วันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2558

วิธีทำขนมปุยฝ้าย 2 สูตรอร่อย หอม นุ่มฟินเวอร์


ขนมปุยฝ้าย ขนมไทยหน้าตาน่ารับประทานสีหวานๆ หลากสีสันมีรูปลักษณ์ของหน้าขนมเป็นกลีบปุยฝ้ายแตกฟูสวยงาม ที่สำคัญอร่อยไม่แพ้ขนมใดๆ รสชาติออกหวานนิดๆ มีกลิ่นหอมอร่อยคล้ายดอกมะลิ และเนื้อนุ่มฟู สามารถรับประทานคู่กับชา กาแฟ ก็อ่ร่อยเข้ากันดีนัก และขนมปุยฝ้ายยังเป็นขนมมงคล ด้วยมีลักษณะเด่นคือฟู ที่สื่อถึง “ชีวิตเฟื่องฟูเจริญรุ่งเรื่อง” ” จึงขาดไม่ได้ในการไหว้พิธีต่าง ๆ ของทั้งชาวไทยและชาวจีน ที่นิยมนำไปไว้ไหว้หรือใช้ในพิธีมงคล เทศกาลต่างๆ หรือสรรหาเพื่อมอบเป็นของฝาก

จริงๆแล้ว วิธีการทำขนมปุยฝ้ายนั้นไม่ยากหรอกครับ แต่การทำให้ขนมปุยฝ้ายหวานหอมอร่อยกำลังดี เนื้อนุ่มฟูไม่ติดคอ และหน้าขนมแตกเป็นแฉกสวยงาม จำเป็นต้องมีสูตรเด็ดและเคล็ดลับเฉพาะตัว วันนี้ zabwer.com จึงได้นำวิธีทำขนมปุยฝ้ายสูตรอร่อยถึง 2 สูตรมาฝากครับ พร้อมเคล็ดลับเด็ดๆในการทำขนมปุยฝ้ายมาเสิร์ฟตรงหน้าคุณแล้ว…ใครกำลังมองหาสูตรขนมปุยฝ้ายอยู่ห้ามพลาด…กับสูตรและขั้นตอนตามนี้ครับ

อุปกรณ์หลักปุยฝ้าย
  • หม้อนึ่ง หรือลังถึง
  • เครื่องตีไข่
  • กะละมังพลาสติก
  • ถาด
  • ถ้วยตวง
  • ตาชั่ง
  • ถ้วยอะลูมิเนียม
  • ไม้พายพลาสติกบาง
  • ตะแกรงร่อนแป้ง
  • ถ้วยกระดาษ

1. ขนมปุยฝ้าย 

ขนมปุยฝ้ายสูตรอร่อยสูตรนี้ เป็นสูตรมาจากเจ๊หลี และสูตรของ UFM ทำออกมาแล้วให้รสชาติออกหวานนิดๆอร่อยกำลังดี ได้เนื้อเบานุ่มฟูไม่ติดคอ และหน้าขนมแตกเป็นแฉกสวยงาม ที่สำคัญอร่อยเป๊ะเวอร์และทำไม่ยากเลย…จะทำกินก็ได้ ทำขายก็ขายดี… กับสูตรอร่อยสูตรนี้

ส่วนผสมขนมปุยฝ้าย (สูตรนี้ทำได้ประมาณ 16-20 ถ้วยกระดาษมาตรฐาน)
  • แป้งบัวแดง 200 กรัม
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • ไข่ไก่สด (ที่อุณหภูมิห้อง) 2 ฟอง
  • น้ำ 100 กรัม
  • น้ำตาล 180 กรัม
  • SP 10 กรัม
  • นมข้นจืด 50 กรัม
  • น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
  • กลิ่นมะลิ 1/2 ช้อนชา
  • สีผสมอาหาร(ตามชอบ) เล็กน้อย
วิธีทำ (ทำเหมือนสปันจ์เค็กเลยครับ)

ก่อนอื่นเตรียม…น้ำเปล่าใส่ซึ้ง 3ใน 5 ของลังถึงนำไปตั้งบนเตารอไว้ก่อนเลย และเตรียมพิมพ์ ถ้วยกระดาษไว้ด้วย

1. ร่อนแป้ง กับผงฟูเข้าด้วยกัน…พักไว้

2. นำไข่ไก่ น้ำตาล และน้ำใส่โถตี และป้ายเอสพีที่หัวตะกร้อ…ตีด้วยความเร็วสูงสุด ประมาณ 4-5 นาที (ขึ้นอยู่กับความเร็วของเครื่องและไข่ไก่ใหม่หรือเก่าด้วย) ให้สังเกตุดูที่ส่วนผสมเป็นหลัก…ตีจนกระทั่งข้นเหนียวขาวเนียน…...คือใช้ไม้พายควักแล้วไม่หยด เพราะถ้าส่วนผสมไม่ข้นขนาดนี้ เวลานึ่งหน้าจะไม่แตก
*** ตรงจุดนี้ (เปิดเตาด้วยไฟสูงสุดรอไว้เลย…เพื่อตั้งไฟให้น้ำเดือดจัดๆ) ***

3. ลดความเร็วเป็นต่ำสุด…แล้วทยอยเติมแป้งลงไป ให้ส่วนผสมกับแป้งเข้ากัน (ถ้ากลัวฟุ้งก็เอาพายคนๆก่อนก็ได้) ประมาณ 1 นาที

4. ตามด้วยเติม (นมข้นจืด + น้ำมะนาว + กลิ่นมะลิ) ลงไป…แล้วเปลี่ยนเป็นตีด้วยความเร็วสูงสุด ประมาณ 4-5 นาที (แล้วแต่ว่าอยากให้แป้งออกมาเนื้อนิ่มมากน้อยแค่ไหน) …และตีด้วยความเร็วต่ำอีก 1 นาที เพื่อไล่ฟองอากาศ

5. นำส่วนผสมมาแบ่งเป็น 3 ส่วน เพื่อใส่สีตามชอบ (ควรใส่สีทีละหยด สีที่นึ่งออกมาแล้วจะเข้มกว่าสีที่เราเห็นตอนผสมมาก) …คนส่วนผสมให้เข้ากัน

6. เตรียมถ้วยกระดาษ (เบอร์ตามต้องการ) จากนั้นตักแป้งขนมใส่กระทงกระดาษที่รองด้วยพิมพ์อะลูมีเนียม…ตักให้เต็มถ้วยแต่ไม่ต้องล้น (ตกแต่งด้วยลูกเกด/มิ๊กซ์ฟรุต…ถ้ามี)

7. เตรียมรังถึง โดยนำผ้าขาวบางห่อฝาไว้ เพื่อกันไม่ให้น้ำหยดใส่หน้าขนม ตรวจดูน้ำ…ให้ด้านล่างใส่น้ำ 3/5 ของลังถึง และตั้งน้ำใช้ไฟแรงจนน้ำเดือดพล่านแล้ว จากนั้นจึงวางปุยฝ้ายลงไปในซึ้ง…เสร็จแล้วปรับเป็นไฟอ่อนๆ ทันที (หรี่ไฟให้อ่อนๆให้เหลือแค่น้ำเดือดปุดๆ) ใช้เวลานึ่งประมาณ 15 นาที…จนสุก พักขนมให้เย็นบนตะแกรงให้เย็นสนิท จัดเสิร์ฟ

2.ปุยฝ้ายมะพร้าวอ่อน

ปุยฝ้ายมะพร้าวอ่อนสูตรนี้หอมอร่อยมากเช่นกัน อีกสูตรหนึ่งของวิทยาลัยการอาชีพวังไกลกังวล อร่อยนุ่มหอมน้ำมะพร้าว ทานแล้วไม่ติดคอ เป็นสูตรมาจากคุณ Boong_b สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มีขั้นตอนการทำที่ง่ายไม่ยุ่งยาก ที่สำคัญต้องหอมหวานอร่อย…เป็นอีกสูตรที่อยากแนะนำ

ส่วนผสม
  • แป้งเค้ก ( พัด / ริบบิ้น ) 250 กรัม
  • ผงฟู 2 ช้อนชา
  • น้ำตาล 250 กรัม
  • ไข่ไก่ 2 ฟอง
  • เอสพี 20 กรัม
  • น้ำมะนาว 2 ช้อนชา
  • น้ำมะพร้าว 1 100 กรัม
  • น้ำมะพร้าว 2 100 กรัม
  • เนื้อมะพร้าวอ่อนหั่นสี่เหลี่ยมเล็ก 200 กรัม

วิธีทำ

1. ต้มน้ำให้เดือดรอไว้

2. ร่อนแป้ง ผงฟู รวมกันพักไว้

3. ตีส่วนผสม น้ำมะพร้าว 1+ไข่ไก่+น้ำมะนาว+เอสพี +และน้ำตาลทราย…ตีด้วยความเร็วสูงสุด 5 นาที
3.1.เมื่อตีครบ 5 นาทีแล้ว…ให้สังเกตุดูที่ส่วนผสมเป็นหลัก คือตีจนกระทั่งส่วนผสมขึ้นฟูข้นเหนียว ดังรูป (ถ้าตีส่วนผสมเหลวเกินไป…จะทำให้หน้าขนมไม่แตกฟู)

4. ใส่แป้งสลับกับน้ำมะพร้าว 2 จนหมด…ตีความเร็วสูงสุดอีก 1 นาที

5. ใส่เนื้อมะพร้าว คนผสมให้เข้ากัน พักไว้ 10 นาที

6. รอให้น้ำในซึ้งเดือดจัด ตักใส่ถ้วย 

7. พอตั้งบนเตาให้เบาไฟอ่อนๆ นึ่งไฟอ่อน 10 นาทีเสร็จ…รอให้เย็น

เคล็ดลับการทำขนมปุยฝ้ายให้หน้าแตกสวย

1) ทุกครั้งที่จะตักแป้งหยอดลงพิมพ์ รอบต่อไปคนๆๆๆๆๆๆๆๆ แล้วค่อยตักหยอด เพราะส่วนผสมอาจจะนอนก้น

2) เริ่มตั้งแต่การหยอดขนมใส่พิมพ์ ต้องหยอดให้เต็มถ้วยแต่ไม่ต้องล้น…ขนมจะแตกมากและฟูสวย และการวางเรียงใส่ซึงนึง อย่าวางแน่นจนเกินไป…เว้นให้มีพื้นที่ไอน้ำขึ้นมาด้วย

3) ตั้งซึ้งใส่น้ำ 3 ใน 5 ของรังถึง น้ำในลังถึงต้องเดือดพล่านซะก่อน จากนั้นพอวางปุยฝ้ายลงไปค่อยหรีไฟให้อ่อนๆ…ถ้าใช้เตาแก๊สแม่บ้านทั่วไปก็หรี่ให้ไฟอ่อนๆ ให้เหลือแค่น้ำเดือดปุดๆ (เบาแต่ก็ยังเหลือเปลวไฟวงรอบนอกด้วยโดยเปลวไฟสูงประมาณ 1/2 ซม.) ก็จะแตกสวย…นึ่งประมาณ 15 นาทีกำลังดี

4) ฝารังถึงควรหาผ้าขาวบางมาห่อเพื่อกันไอน้ำหยดลงหน้าขนม

5) ถ้าใช้เตาแก๊สทั่วไป …เวลานึ่งขนมควรจะใช้ซึงนึ่งชั้นเดียวเสมอ เพราะจะได้ปุยฝ้ายหน้าแตกเป็นเฉกสวยกว่านึ่งสองชั้น

6) หากนึ่งหลายถาด…ทุกครั้งที่เปลี่ยนซึ่งนึ่งรอบต่อไป เพิ่มน้ำให้ได้ 3 ใน 5 ของรังถึง แล้วให้น้ำเดือดพล่านอีกครั้ง จึงวางปุยฝ้ายลงไปนึ่ง แล้วรีบหรี่ไฟอ่อนๆ…คือทำแบบนี้ตลอด ทุกซึ้งที่ขึ้นนึ่ง ไม่เช่นนั้นขนมจะแตกบ้าง ไม่แตกบ้าง หรือแตกไม่เต็มได้

ขอขอบคุณรูปภาพจาก: http://pantip.com/topic/30124987

แนะนำเพิ่มเติมอื่นๆ
  • ไข่ไก่ใช้เป็นไข่สด/ใหม่และควรใช้ไข่เบอร์ 2…ขนมจะขึ้นฟูและหน้าแตกได้ง่ายกว่า
  • การร่อนแป้งจะทำให้แป้งเบาขึ้น หรือไม่ก็นำไปตากแดด 
  • เวลาตีแป้ง ควรตีไปทางเดียวกัน อย่าตีย้อนไปย้อนมา เพราะส่วนผสมจะละเอียดไม่เท่ากัน และต้องตีด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอกัน
  • การผสมสีควรผสมสีอ่อนๆ เพราะสีขนมจะเข้มขึ้นอีก…เมื่อนึ่งเสร็จ
  • การตีไข่ควรใช้หัวตีรูปตะกร้อ
  • เอสพี เป็นส่วนผสมที่ผลิตเพื่อใช้ในขนม ที่เราต้องการฟองมาก ๆ เช่น สปันจ์เค้ก แยมโรล และ ขนมปุยฝ้าย ส่วนผสมของเอสพี มีคุณสมบัติพิเศษ คือ ช่วยทำให้เกิดฟองได้ดี และช่วยให้ฟองอยู่ตัว นอกจากนั้นยังช่วยให้ปริมาตร ขนมใหญ่ขึ้นและช่วยให้ขนม นุ่ม และสด นานขึ้น
  • คุณสมบัติของปุยฝ้ายที่ดี คือ ต้องสีอ่อน แตก 3-5 แฉก และไม่มีน้ำหยดลงหน้าขนม
สำหรับใครที่ทำขนมปุยฝ้ายแล้วหน้าขนมไม่แตกฟู ก็ลองนำเคล็ดลับการทำขนมปุยฝ้ายที่เราได้เรียบเรียงไว้ใน zabwer.com ไปลองทำตามดูนะครับ รับรองว่าถ้าทำปุยฝ้ายรอบนี้….หน้าขนมต้องแตกฟูสวยแน่นอนครับ (^_^)


เรียบเรียงข้อมูลโดย zabwer.com
ที่มาข้อมูลและภาพประกอบจาก:
เจ๊หลี สมาชิกเว็บไซต์บล็อกแก๊งดอทคอม
คุณ Boong_b สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
และ pantip.com/topic/30124987
23:07