tag:blogger.com,1999:blog-73026920818046546942024-02-20T23:40:26.314-08:00เมนูอาหารไทย สูตรอาหาร พร้อมวิธีทำสูตรอาหารไทย เมนูอาหาร พร้อมเคล็ดลับวิธีทำอาหารให้อร่อย เมนูอาหารจานเดียว อาหารไทย 4 ภาค อาหารอาเซียน อร่อยเด็ดแซ่บเว่อร์.Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comBlogger77125tag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-5308334417059809032016-10-04T02:13:00.000-07:002017-01-23T07:15:25.769-08:00ไส้กรอกอีสาน รสเด็ดสุดแซ่บ พร้อมเคล็ดลับวิธีทำไส้กรอกอีสานสูตรอาหารไทย อาหารภาคอีสาน <b>ไส้กรอกอีสาน </b>– หลายคนที่ชอบทานไส้กรอกปิ้งย่างเป็นประจำ แต่ไม่มั่นใจในความสะอาดของร้านหรือบางร้านก็ทำไม่อร่อยโดนใจ ใส่มันหมูมากเกินไปจนเลี่ยน จะดีกว่าไหมถ้าเราสามารถทำไส้กรอกไว้ทานเอง ทำครั้งเดียวเก็บไว้ทานได้หลายวันอีกด้วย หิวเมื่อไรก็เอาออกมาย่าง ปิ้ง ทอด อร่อยแถมปลอดภัย ไร้สิ่งสกปรกเจือปน วันนี้ครัวแซ่บเวอร์ดอทคอมขอนำสูตรไส้กรอกอีสานรสเด็ด ที่คุณ kateka@diaryclub.comได้ทดลองทำและปรับสูตรมาหลายครั้งจนได้รสชาติไส้กรอกอีสานขนานแท้ที่อร่อยลงตัว ลองไปดูสูตรกันเลย....<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiB9icTomuja7D6N4ovK7f-tHqrjORvQ2j6K4ObISZ6kJeB9PRmgBvjld5I7dJF6CCczXLhpyyNHkNF0ZaD6NzPno7Pvz89c5JjIkdRlTKVmr8PUiaHuqJp1sOPz7BFmup408gskgdy43k-/s1600/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599+%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594.jpg"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiB9icTomuja7D6N4ovK7f-tHqrjORvQ2j6K4ObISZ6kJeB9PRmgBvjld5I7dJF6CCczXLhpyyNHkNF0ZaD6NzPno7Pvz89c5JjIkdRlTKVmr8PUiaHuqJp1sOPz7BFmup408gskgdy43k-/s400/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599+%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594.jpg" width="345" /></a></div>
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม</span></b><br />
<ol>
<li>หมูบดแบบมีมัน 800 กรัม……(เนื้อหมูล้วน500กรัม+ มันหมู300กรัม)</li>
<li>ข้าวจ้าวหุงสุกแล้ว 250 กรัม</li>
<li>กระเทียมสดแกะเปลือก สับละเอียด 100-150 กรัม</li>
<li>พริกไทยป่น ½ ช้อนโต๊ะ</li>
<li>เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำตาลทราย ½ ช้อนโต๊ะ</li>
<li>ไส้หมูหรือไส้เทียม(หาซื้อได้ที่ตลาดสด โลตัส หรือสั่งทางอินเตอร์เน็ตก็ได้)</li>
<li>เชือกสำหรับมัด </li>
</ol>
<div>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh_MqUh_yH-u0QhxEF-XpLkvixnn3w5oiwVFw1BZpWpEVRtHqQqUYSH7TdYXzc5tmeGBdghoDlLM_GrQ7q34qmvHLOOIR4yxe1dVxKAV6xDQYOhm6k4P7ISbrQq_PxqcMAcUkyxxoH7k7eG/s1600/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599+%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594+%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2.jpg"><img border="0" height="240" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh_MqUh_yH-u0QhxEF-XpLkvixnn3w5oiwVFw1BZpWpEVRtHqQqUYSH7TdYXzc5tmeGBdghoDlLM_GrQ7q34qmvHLOOIR4yxe1dVxKAV6xDQYOhm6k4P7ISbrQq_PxqcMAcUkyxxoH7k7eG/s320/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599+%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594+%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2.jpg" width="320" /></a></div>
</div>
<div>
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำ</span></b><br />
<ol>
<li>ล้างไส้หมู คือนำไส้หมูกลับด้านในออกมาด้านนอกนำไปขยำเกลือล้างเมือกให้หมดจากนั้นนำแป้งสาลีมาทาและขยำเพื่อกำจัดกลิ่นคาว แล้วล้างน้ำให้สะอาด และกลับด้านนอกออกพักให้สะเด็ดน้ำ …ถ้าเป็นไส้เทียม ให้นำไปแช่น้ำอุ่นให้นิ่ม ประมาณ 30 นาที(เพื่อล้างเกลือและกลิ่น) นำมาซับน้ำให้แห้งก่อนยัดหมู</li>
<li>นำเนื้อหมู หนังหมู เกลือ และน้ำตาลทราย มาคลุกเคล้าให้เข้ากันนวดให้เข้ากันจนส่วนผสมเหนียว แล้วจึงใส่ข้าวสุกและกระเทียม คลุกเคล้าให้เข้ากัน</li>
<li>จากนั้นนำส่วนผสมยัดในไส้หมูที่เตรียมไว้ จากนั้นมัดเป็นข้อๆ</li>
<li>นำไส้กรอกใส่ถุงหรือกล่องที่ปิดสนิท พักไว้ที่อุณหภูมิห้อง 2 วันเพื่อให้เปรี้ยว</li>
<li>จากนั้นนำไปปิ้งหรือทอดก็ได้ </li>
</ol>
<span style="color: blue; font-size: large;">เคล็ดลับความอร่อย</span><br />
<ul>
<li><b>การใส่มันหมูมากสักหน่อย</b>จะช่วยให้ไส้กรอกไม่แข็ง</li>
<li><b>สูตรส่วนใหญ่มักไม่ใส่น้ำตาล</b> แต่จริงๆ แล้วการใส่น้ำตาลด้วยเป็นยอดเคล็ดลับความอร่อยเลยล่ะ</li>
<li><b>การยัดไส้กรอกที่ดี </b>คืออย่าให้แน่นมาก เพราะจะทำให้ไส้กรอกที่ได้แข็ง ทานแล้วไม่อร่อย </li>
<li>สูตรนี้หากรับประทานก่อนครบ 2 วันไส้กรอกจะเค็มมากไป เพราะยังเปรี้ยวไม่ได้ที่แต่ถ้าไม่ชอบไส้กรอกเปรี้ยว ให้ลดเกลือลงเหลือแค่ ½ ช้อนโต๊ะ แล้วหมักแค่ข้ามคืนก็พอแล้ว</li>
<li><b>สำหรับคนที่อยากทานจริงๆ แต่หาไส้ไม่ได้ </b>ก็ให้นำหมูที่คลุกแล้ว ใส่ถุงหรือกล่องกดให้แน่นสักนิด แล้งทิ้งไว้ที่อุณหภมิห้องจนเปรี้ยว ก็สามารถพร้อมรับประทานได้แล้ว</li>
<li><b>เทคนิการย่างไส้กรอก</b>…ก่อนปิ้งต้องใช้เข็มแหลมแทงเป็นระยะๆ เพื่อไล่ลมออก ไส้กรอกจะได้ไม่แตกขณะปิ้ง อย่าแทงถี่จะทำให้แตกได้ ให้แทงห่างๆ …หรือจะนำไปนึ่งเกือบสุกแล้วจึงนำไปย่างก็ได้ เพื่อเวลาย่างจะได้ไม่แตกและสีสวยสม่ำเสมอ</li>
</ul>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-40534298919876398362016-10-04T01:51:00.000-07:002017-01-23T07:18:10.206-08:00สูตรผัดซีอิ๊วหมู รสเด็ด ทำกินได้ทำขายดีสูตรอาหารจานเดียว "<b>ผัดซีอิ้ว"</b> เป็นเมนูอาหารที่ทำง่ายๆ สะดวก แถมอร่อยอีกต่างหาก ทานกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ เคล็ดลับความอร่อยของเมนูผัดซีอิ้วนี้อยู่ที่การผัดเส้นก๋วยเตี๋ยวให้เข้ากันดีกับเครื่องปรุงและส่วนผสม ส่วนหมูที่ใช้ก็ควรใช้หมูหมักถึงจะหอมและนุ่ม สำหรับสูตรและวิธีทำผัดซีอิ้วที่ zabwer.com นำมาแนะนำนี้รับรองหอม อร่อย สามารถทำขายได้เลย….<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjELLqEBMfhd0nJCzgYRLggcv-3y-PZcQ7YfhGQRNTm3xir_A47khE1SlK2zf8Kx7tEih8HiD_9HFw-47YRzdwhcdSxn-w8kKdtI3A3awLrF4nnFysr27BhOYHtzD-VFWneBpR1vJeCdW8x/s1600/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%258B%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%258A%25E0%25B8%25A7+%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594.jpg"><img border="0" height="357" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjELLqEBMfhd0nJCzgYRLggcv-3y-PZcQ7YfhGQRNTm3xir_A47khE1SlK2zf8Kx7tEih8HiD_9HFw-47YRzdwhcdSxn-w8kKdtI3A3awLrF4nnFysr27BhOYHtzD-VFWneBpR1vJeCdW8x/s400/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%258B%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%258A%25E0%25B8%25A7+%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
<b>ส่วนผสม</b><br />
<ol>
<li>เส้นใหญ่ ถ้าเป็นเส้นแห้งแช่น้ำให้นิ่มแล้วลวกจนสุก ระวังอย่าให้เละ ล้างด้วยน้ำเย็นจากนั้นนำมาคลุกน้ำมันเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เส้นติดกัน 1-1/2 ถ้วย</li>
<li>เนื้อหมูหั่นบางและหมัก ½ ถ้วย</li>
<li>คะน้า (หั่นประมาณ 2-3 นิ้ว นำไปลวก และพักไว้) 3-4 ต้น </li>
<li>น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ </li>
<li>ไข่ไก่ 1 ฟอง</li>
<li>ซีอิ้วดำ 1 ช้อนโต๊ะ </li>
<li>น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำตาล ½ ช้อนโต๊ะ</li>
<li>เต้าเจี้ยว ¼ ช้อนโต๊ะ</li>
<li>พริกไทยป่นสำหรับโรยหน้าเล็กน้อย</li>
<li>มะนาว ผ่าซีก</li>
</ol>
<b><span style="color: #990000;">วิธีหมักเนื้อหมู</span></b><br />
นำเนื้อหมูหั่นบาง ½ ถ้วยมาหมักด้วย กระเทียมบด ½ ช้อนโต๊ะ, น้ำตาล ½ ช้อนโต๊ะ, แป้งมัน ½ ช้อนโต๊ะ, น้ำปลา ½ ช้อนโต๊ะ, พริกไทยป่น 1/8 ช้อนโต๊ะ, ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ หมักทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำ</span></b><br />
<ol>
<li>ตั้งกระทะใส่น้ำมันด้วยไฟปานกลาง พอน้ำมันร้อนใส่ไข่ คนเบาๆให้ไข่เป็นแผ่น</li>
<li>ใส่หมูที่หมักแล้ว ผัดจนหมูสุก</li>
<li>เร่งเตาเป็นไฟแรงใส่เส้น ใส่ซีอิ้วดำ เต้าเจี้ยว ผัดให้เร็วและต้องผัดเบาๆ ระวังเส้นขาด</li>
<li>พอซีอิ้วดำคลุกเส้นทั่วและเส้นหอม ให้ใส่น้ำตาลกับน้ำปลาผัดจนแห้ง </li>
<li>ใส่คะน้าหรือผักอื่นๆ ที่ลวกแล้ว ผัดแค่พอเข้ากัน ตักใส่จานโรยพริกไทยป่นเล็กน้อยเสิร์ฟพร้อมกับมะนาว และน้ำส้มพริกดอง</li>
</ol>
<b><span style="color: blue; font-size: large;">เคล็ดลับความอร่อย</span></b><br />
<ul>
<li>หมูที่หมักแล้วก่อนนำมาผัดจะหอมและนุ่มกว่าใช้เนื้อหมูสด</li>
<li>ผักควรลวกก่อนเพราะจะทำให้ผักมีสีเขียวน่าทานและผัดซีอิ้วไม่แฉะ</li>
<li><b>หากต้องการให้เส้นก๋วยเตี๋ยวมีสีดำสวยเสมอกัน</b> ก็ให้นำเส้นก๋วยเดี๋ยวมาคลุกกับซีอิ๊วดำให้เข้ากันก่อนนำไปผัด</li>
<li><b>การผัดซีอิ้วต้องใช้ไฟแรงเส้นจึงจะหอม</b> และอย่าคนเส้นแรง การคนเส้นเบาๆจะทำให้เส้นสวยและไม่ขาด</li>
<li><b>สำหรับคนที่ชอบเส้นหมี่</b> แนะนำให้ใช้เส้นไวไวแช่น้ำจนนิ่มแต่ไม่ต้องลวก แล้วพักให้สะเด็ดน้ำ ใส่น้ำมันในกระทะมากขึ้นอีกนิดหน่อย ตามสูตรจะประมาณ 1.5 ช้อนโต๊ะ ผัดไฟร้อนเส้นจะนิ่มเอง จากนั้นขั้นตอนทุกอย่างเหมือนกันตามข้างบน</li>
<li><b>ถ้าไม่ชอบผักคะน้า</b> สามารถใส่เป็นกวางตุ้ง บล็อคโคลีหรือแครอทแทนได้</li>
</ul>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-30617152955758666662016-10-02T07:26:00.004-07:002016-10-04T02:42:41.955-07:00ส้มตำไทย 2 สูตรแซ่บเวอร์ พร้อมเคล็ดลับทำส้มตำไทยให้อร่อยสูตรเมนูอาหารไทย “<b>ส้มตำ</b>” สำหรับสูตรนี้เป็น<b>สูตรตำไทย</b> รสแซ่บเวอร์ ไม่ใส่ปูดองและไม่ใส่ปลาร้า แต่ถ้าใครชอบปูดองหรือปูนึ่งก็สามารถใส่ลงไปด้วยได้ รสชาติอร่อยเหมือนกัน ส้มตำนั้นถือเป็นอาหารที่นิยมทานกันมากทั่วทุกภาค สามารถทำได้ง่ายๆ มะระกอสับหยาบๆ คลุกเคล้ากับเครื่องปรุงต่างๆ จนได้รสชาติครบทุกรสทั้งเผ็ด เปรี้ยว หวาน และเค็มเล็กน้อย ใครชอบรสชาติไหนนำก็สามารถปรุงเพิ่มได้ง่าย ส้มตำนิยมทานคู่กับข้าวเหนียวไก่ย่าง โดยมีผักสดต่างๆ เป็นเครื่องเคียง วันนี้<a href="http://www.zabwer.com/">ครัวแซ่บเวอร์ดอทคอม</a> (zabwer.com) ขอแนะนำเมนูส้มตำไทย 2 สูตร เด็ดรับประกันอร่อยแซ่บบบบแน่นอน….<br />
<div>
<br /></div>
<div>
<b style="background-color: white;"><u><span style="font-size: large;">สูตรที่ 1</span></u></b><br />
<br /><div style="text-align: center;">
<img border="0" height="288" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj4e1wHtomNoXiQwLIjXB7Jh4xqsxjoZQg69ahjqB4wQR7lGSG2uhlXW34JFV7myYpgfldjSeX7B5KPsYiSA7ue2HUG3URiC3NmB9OrGk36mZt0Xw51l22ugTg-qK9ifkM-T9VcIY12QgTO/s320/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B3%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25A2+%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%258B%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259A%25E0%25B9%2586.png" width="320" /></div>
</div>
<div style="text-align: center;">
</div>
<div>
<b><span style="color: blue;">ส่วนผสม</span></b><br />
<ol>
<li>มะละกอสับ1 1/2 ถ้วย</li>
<li>ถั่วฝักยาวหั่นยาวประมาณ 2.5 นิ้ว ¼ ถ้วย</li>
<li>กระเทียม 1-2 กลีบ</li>
<li>กุ้งแห้ง 1/2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>ถั่วลิสงคั่ว ½ ช้อนโต๊ะ</li>
<li>พริงแดงสดตามใจชอบ(เผ็ดปานกลาง 4-5 เม็ด)</li>
<li>มะเขือเทศลูกเล็กผ่าครึ่ง 4 ลูก</li>
<li>น้ำมะนาว ½ -1 ช้อนโต๊ะ</li>
</ol>
<b><span style="color: blue;">ส่วนผสมน้ำปรุง</span></b><br />
<ol>
<li>น้ำตาลปี๊บ 1 ½ ถ้วย</li>
<li>น้ำปลาอย่างดี 1 ถ้วย</li>
<li>น้ำมะขามเปียก 1 ถ้วย</li>
</ol>
(เอามะขามเปียก ½ ถ้วย + น้ำร้อน 1 ถ้วย ขยำให้เนื้อมะขามละลายแล้วกรองเอาน้ำ…ให้ได้ 1 ถ้วย)<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำน้ำปรุง</span></b><br />
<ul>
<li>นำน้ำมะขามเปียกที่ได้ใส่หม้อตั้งไฟกลาง ใส่น้ำตาลปี๊บและน้ำปลา คนให้น้ำตาลละลาย เคี่ยวไฟกลางค่อนไปอ่อน ประมาณ 6-7 นาทีหรือจนน้ำข้น อย่าให้ข้นมาก เพราะเวลาเย็นแล้วน้ำจะเหนียวและข้นมากขึ้นอีก</li>
</ul>
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำ</span></b><br />
<ol>
<li>ในครกโขลกกุ้งแห้งหยาบๆ ใส่กระเทียมลงไปตำ ใส่พริกสดตำต่อพอแตก จากนั้นใส่ถั่วลิสงกับถั่วฝักยาวตำเบาๆ </li>
<li>ใส่มะละกอ 1/2 ถ้วย และใส่มะเขือเทศ ใส่น้ำปรุงที่เตรียมไว้ประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ ใส่น้ำมะนาว ½ ช้อนโต๊ะ ตำเบาๆให้เข้ากัน</li>
<li>จากนั้นใส่มะละกอที่เหลือ ตำแค่พอเข้ากัน ชิมและปรุงรสตามชอบ</li>
</ol>
<b style="background-color: white;"><u><span style="font-size: large;">สูตรที่ 2</span></u></b><br />
สูตรนี้แนะนำไว้โดยเชฟสุรินทร์ แห่งภัตตาคารครัวระเบียงปาย (http://www.9nha.com/paicooker.html)<br />
<br />
<div>
<div style="text-align: center;">
<img border="0" height="312" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi9-bGEs935s0M7p167SS7c-xOq2zamqJyktf6871yF-xH-lLcpB_Y3E85Ih7oqbRQHKWbYr7LPyS-y_3Oxgh1mPSLMUX5UzSJjxVhXO2VF4YKXHdvR9ehvs6etWgDOvzvOUymqhSQN35ks/s320/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B3%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25A2+%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%258B%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259A%25E0%25B9%2586.png" width="320" /></div>
<b><span style="color: blue;">ส่วนผสม</span></b><br />
<ol>
<li>มะละกอสับหรือขูดเป็นเส้น 1 ½ ถ้วยตวง</li>
<li>ถั่วฝักยาวหั่นท่อน (1 นิ้ว) 2 ฝัก</li>
<li>มะเขือเทศเฉือนบางๆ 1 ลูก</li>
<li>กระเทียม 7 กลีบ</li>
<li>กุ้งแห้งอย่างดี 2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>ถั่วลิสงคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>พริกขี้หนู 7 เม็ด</li>
<li>น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำปลา 1 ½ ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>ผักสดกินคู่กับส้มตำ</li>
</ol>
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำ</span></b><br />
<ol>
<li>โขลกพริกขี้หนูและกระเทียมเข้าด้วยกันพอแหลกไม่ต้องละเอียด </li>
<li>จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ น้ำปลา น้ำมะนาว น้ำมะขามเปียก คนให้ละลายเข้ากัน </li>
<li>ใส่ถั่วฝักยาว มะเขือเทศและมะลกอลงไปตำเบาๆ พอเข้ากัน ชิมรสดู ปรับแต่งตามชอบ </li>
<li>ได้ที่แล้วใส่กุ้งแห้งและถั่วลิสงลงไปโขลกเบาๆ พอเข้ากัน ก็ตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ</li>
</ol>
</div>
<div>
<b><span style="color: blue; font-size: large;">เคล็ดลับความอร่อยวิธีทำส้มตำไทยให้อร่อย</span></b><br />
<ul>
<li><b>ครกที่ใช้ตำส้มตำจะใช้ครกไม้</b> เพราะเวลาตำส้มตำจะไม่แหลกเกินไป</li>
<li><b>อย่าตำมะละกอนาน</b> เพราะมะละกอจะไม่กรอบ ให้ตำเบาๆ และคนแค่พอให้เข้ากันก็พอแล้ว</li>
<li><b>เวลาปรุงรส อย่าใส่รสจัดตั้งแต่แรก</b> ค่อยปรับที่หลังดีกว่า เพราะถ้ารสชาติเข้มข้นเกินไปจะแก้ไขยาก</li>
<li><b>เคล็ดลับทำให้มะละกอกรอบและสดอยู่นาน</b> คือ เมื่อสับหรือซอยมะละกอเป็นเส้นแล้วให้นำไปแช่น้ำเย็นจัดๆ หรือแช่น้ำแข็งให้เย็นจะช่วยทำให้มะละกอกรอบ เวลานำไปทำส้มตำจะทำให้อร่อยมากขึ้น </li>
</ul>
</div>
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-91869534452161142112016-10-02T01:43:00.001-07:002017-01-23T07:14:28.611-08:00สูตรหมักปลาหมึกย่าง น้ำจิ้มแซ่บ อร่อยทำขายได้เลย<div>
เมนูอาหาร สูตรอาหาร “ปลาหมึกย่าง” พร้อมสูตรน้ำจิ้มรสแซ่บ จัดจ้าน สูตรนี้อร่อยสามารถทำขายเป็นอาชีพเสริมได้เลย ปลาหมึกสด ย่างไฟร้อนๆ กลิ่มหอมหวลชวนทาน เนื้อปลาหมึกกรอบนุ่มหนึบทานกับน้ำจิ้มแซ่บๆ เป็นอะไรที่เข้ากันมากๆ อร่อยไม่รู้เบื่อ ไปตลาดนัดที่ไรเป็นต้องอุดหนุน แต่ก็ใช่ว่าจะอร่อยไปทุกร้านนะ การทำปลาหมึกย่างนั้นแม้จะไม่ยุ่งยาก ใครๆ ก็ทำได้ แต่จะให้รสชาติออกมาอร่อยนั้นต้องมีสูตรมีเคล็ดลับเฉพาะตัวกันหน่อย สำหรับสูตรปลาหมึกย่างและสูตรน้ำจิ้มซีฟู้ดที่เรา zabwer.com นำมาฝากนี้ รับรองได้ว่าอร่อยเด็ดลูกค้าติดใจแน่นอน</div>
<div>
<br />
<div>
<div style="text-align: center;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg9BF2GfI8Hrz0iGleBo0vx27uvHfsCBVrI6A325bjq0ncAyWOr9r5C0s9SfdPX71MTS2tiwmXYfzfWt8mwRVkidATRnKRctNOsUiX_Ls2WyjdY4uDXV2R-Cb5JMJIv6fyX8nsZtEEIrlpm/s400/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B6%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2587+%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%258B%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25B9%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%258B%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259A.jpg" /></div>
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม</span></b><br />
<ol>
<li>เนื้อปลาหมึกหั่นชิ้น 500 กรัม</li>
<li>หนวดปลาหมึก 500 กรัม</li>
<li>น้ำต้มสุก 5ถ้วยตวง</li>
<li>ซีอิ๊วดำหวาน 1ถ้วยตวง</li>
<li>ขมิ้นผง 1-2 ถ้วยตวง</li>
<li>ไม้ปลายแหลม</li>
</ol>
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม น้ำจิ้มซีฟู้ด</span></b><br />
<ol>
<li>พริกสดสีแดงและสีเขียวรวมกัน 100 กรัม</li>
<li>กระเทียมกลีบใหญ่ 50 กรัม</li>
<li>น้ำมะนาว (ใช้แบบขวดก็ได้) ¾ ถ้วยตวง</li>
<li>น้ำปลา ½ ถ้วยตวง</li>
<li>น้ำตาลทราย 100 กรัม</li>
<li>น้ำเปล่า 100 กรัม</li>
</ol>
<span style="color: blue;"><b>วิธีทำ ปลาหมึกย่าง</b></span><br />
<ol>
<li>ล้างปลาหมึกให้สะอาดและไม่มีกลิ่นคาว</li>
<li>ให้นำปูนขาว (ปูนกินหมาก)1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 1 ลิตร นำปลาหมึกไปแช่ 10 – 15 นาที แล้วล้างน้ำสะอาด…ที่เป็นเคล็ดลับทำให้ปลาหมึกย่างกรอบอร่อย</li>
<li>ผสมน้ำต้มสุกซีอิ๊วหวาน และผงขมิ้นเข้าด้วยกันเพื่อให้สีเหลืองน่ารับประทาน</li>
<li>นำปลาหมึกไปแช่ในน้ำซีอิ๊วที่ทำเตรียมไว้ และยกแช่ในตู้เย็นหรือถังน้ำแข็งก็ได้ ประมาณ2 - 3 ชั่วโมง</li>
<li>จากนั้นนำเนื้อปลาหมึกและหนวดปลาหมึกมาเสียบด้วยไม้ปลายแหลม</li>
<li>นำปลาหมึกขึ้นย่างบนเตาถ่านพอสุกจนสุกทั้ง 2 ด้าน (อย่าให้สุกมากเพราะจะเหนียวและแข็ง) จัดใส่จาน เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด</li>
</ol>
<b><span style="color: blue;">วิธีทำน้ำจิ้มซีฟู้ด</span></b><br />
<ol>
<li>นำน้ำตาลทรายและน้ำเปล่าใส่หม้อยกขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวจนเป็นน้ำเชื่อม ปิดไฟยกลง คนให้เย็น พักไว้</li>
<li>ใส่พริกสด กระเทียม น้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำเชื่อมในข้อที่ 1 ลงในโถปั่นน้ำผลไม้ ปั่นจนละเอียด เทใส่ภาชนะ จัดเสิร์ฟ</li>
</ol>
<b><span style="color: #b45f06; font-size: large;">เคล็ดลับความอร่อยการเก็บปลาหมึกให้สดนาน</span></b><br />
<ul>
<li><b>แช่ปลาหมึกในถังน้ำแข็ง </b>โดยใส่ถุงพลาสติกมัดปากให้มิดชิด แล้วเอาน้ำแข็งโป๊ะทับไว้ข้างบนให้ท่วม เก็บได้นาน 3 วัน แต่ต้องคอยระบายน้ำแข็งที่ละลายออกอย่าให้มีน้ำค้าง ในถัง</li>
<li><b>อย่าแช่ปลาหมึกในตู้เย็น ช่องฟรีช </b>จะทำให้ผิวปลาหมึกไม่สวยเวลาย่างจะดูไม่น่ากิน เมื่อน้ำแข็งละลายแล้ว เนื้อปลาหมึกจะเป็นรู ผิวปลาหมึกไม่ตึงและมีฟองอากาศอยู่ในเนื้อปลาหมึก</li>
</ul>
</div>
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-70000529166123396682016-10-02T01:16:00.000-07:002017-01-23T07:15:09.028-08:00สูตรข้าวผัดกุ้งห่อไข่เมนูง่ายๆ แสนอร่อย และวิธีทำข้าวห่อไข่ให้สวยน่าทานเมนูอาหารง่ายๆ ข้าวห่อไข่ สูตรนี้เป็นข้าวผัดกุ้งห่อไข่ แต่สามารถเปลี่ยนจากกุ้งเป็นปลาหมึก หมู ไก่ หรือข้าวผัดห่อไข่เฉยๆ ก็ได้ แล้วแต่ชอบ เมนูข้าวไข่ห่อหรือไข่ห่อข้าวนี้ นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยน่าทานแล้ว ยังได้คุณค่าทางอาหารจากผักต่างๆ เช่น มะเขือเทศ แครอท หอมกระเทียม ข้าวโพดสุก ยอดข้าวโพดอ่อน ถั่วลันเตา เห็ดหอม ฯลฯ ช่วยทำให้คนที่ไม่ชอบกินผัก หันมาทานผักได้ไม่ยากเลย โดยเฉพาะเด็กๆ สำหรับวันนี้ zabwer.com ขอแนะนำสูตรข้าวผัดกุ้งห่อไข่ ที่อร่อยแบบร้านดังๆ ที่ทำขายกัน พร้อมเคล็ดลับวิธีทำข้าวห่อไข่ให้อร่อยและสวยน่าทาน<br />
<div>
<br />
<div>
<div style="text-align: center;">
<img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhwco3Q4hf3HfJgxHMSIeAp4HGGvsx4WCsSsi3UE9lEPvF2IEj6dNbewDntIKcunPXsP6TYQbk9QzkhvrEqsJz41328cBxUHKyMiGyz09fUdfcILp0tRGH30QxJnSWUFSXWlWfRWmsC_36i/s400/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B8%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588.jpg" width="400" /></div>
<span style="color: orange;"><br /></span>
<b><span style="background-color: #fce5cd;">ส่วนผสม ข้าวผัดกุ้ง</span></b><br />
<ol>
<li>ข้าวสวยหุงให้แข็งสักนิดตักออกพักไว้ให้เย็น 1 ถ้วย</li>
<li>หอมหัวใหญ่หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>มะเขือเทศ หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>แครอท หั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>กระเทียมกลีบเล็กสับละเอียด 1-2 กลีบ</li>
<li>ไข่ไก่ 1 ฟอง</li>
<li>กุ้งตัวเล็ก 1/3 ถ้วย</li>
<li>หอมผักชีซอย 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำมันพืช ½ ช้อนโต๊ะ</li>
<li>เกลือ 1/8 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำตาล ¼ ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำมันหอย½ ช้อนโต๊ะ</li>
<li>ซอสปรุงรส 1/4 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>พริกไทยป่นเล็กน้อย</li>
</ol>
<b><span style="background-color: #fce5cd;">วิธีทำ ข้าวผัดกุ้ง</span></b><br />
<ol>
<li>ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชเล็กน้อยด้วยไฟอ่อน พอร้อนแล้วใส่ไข่ คนให้กระจายเป็นแผ่น (จะได้สวย)</li>
<li>จากนั้นใส่หอมหัวใหญ่ กระเทียมสับ แครอทและมะเขือเทศลงไป ผัดให้ได้กลิ่นหอมของหัวหอมแล้วจึงใส่กุ้ง ผัดจนกุ้งเกือบสุกแล้วจึงใส่ข้าว</li>
<li>เร่งเป็นไฟแรง ผัดข้าวและส่วนผสมให้เข้ากัน </li>
<li>จากนั้นหรี่เตาเป็นไฟอ่อน แล้วจึงใส่เครื่องปรุงทุกอย่าง</li>
<li>เปิดไฟให้แรงอีกครั้งผัดจนเข้ากันดี ปิดไฟ ตักใส่จานพักไว้</li>
</ol>
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม ไข่สำหรับห่อ</span></b><br />
<ol>
<li>ไข่ไก่ 2 ฟอง</li>
<li>นมสด 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>เกลือเล็กน้อย</li>
<li>น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ</li>
</ol>
<span style="font-weight: bold;"><span style="color: #990000;">วิธีทำข้าวห่อไข่</span> </span>(สูตรนี้สามารถห่อได้ 2 ห่อ)<br />
<ol>
<li>ตีไข่ นม และเกลือ แค่พอเข้ากัน …อย่าให้ฟู</li>
<li>ตั้งกระทะใส่น้ำมัน 1/2 ช้อนโต๊ะด้วยไฟอ่อนใส่ไข่ครึ่งแรกลงไป ค่อยๆหมุนกระทะจนไข่แผ่เป็นแผ่นบาง …ที่สำคัญคือต้องใช้ไฟอ่อนไข่จึงจะเหลืองสวย พอไข่สุกปิดไฟ</li>
<li>ตักข้าวผัดประมาณ 1/2 ถ้วย ใส่ตรงกลาง แล้วพับขอบไข่ห่อข้าวให้เป็นสี่เหลี่ยม กดให้ไข่อยู่ตัว จากนั้นใช้จานปิดกระทะเพื่อคว่ำไข่ที่ห่อข้าวเรียบร้อยแล้วใส่ในจาน</li>
<li>พร้อมเสิร์ฟ ...หรือจะใช้มีดกรีดไข่เป็นตัว X ตรงกลาง เปิดออกแล้วแต่งด้วยผักชีให้สวยงาม</li>
</ol>
<b><span style="color: blue; font-size: large;">เคล็ดลับความอร่อยวิธีทำข้าวห่อไข่ให้อร่อยและสวยน่ารับประทาน</span></b><br />
<ul>
<li><b>การทำข้าวผัดให้อร่อย</b> คือข้าวต้องเย็น..เย็นในที่นี้คืออุณหภูมิห้อง (ห้ามนำข้าวสวยสุกเข้าตู้เย็นเด็ดขาดเพราะข้าวแช่เย็นเวลาผัดจะแฉะ) ใส่ไข่ผัดไข่ให้สุกก่อน จากนั้นจึงใส่เนื้อสัตว์กับผัก …การผัดข้าวผัดกุ้งหรือปูรวมถึงข้าวผัดทะเล เวลาที่ผัดต้องใช้ไฟแรง จึงจะหอม (แต่ถ้าเป็นปลาหมึกต้องลวกก่อนเพราะปลาหมึกสดน้ำเยอะมากจะทำให้ข้าวผัดแฉะ)</li>
<li><b>ถ้าทำข้าวผัดกุ้งอย่าง</b>เดียวเลือกใช้กุ้งตัวใหญ่ก็ได้ แต่ถ้าทำข้าวห่อไข่ควรใช้กุ้งตัวเล็ก</li>
<li>สำหรับข้าวผัดเนื้อหมูหรือไก่…ใช้น้ำปลาจะอร่อยกว่า ถ้าเป็นข้าวผัดทะเล ปลาหมึก หรือกุ้ง…ใช้เกลือจะหอมกว่าน้ำปลา </li>
<li><b>เมนูข้าวห่อไข่ ควรใช้เป็นกระทะกว้างๆ ในการผัด </b>เพราะเวลากลิ้งไข่เป็นแผ่นในกระทะจะทำได้สะดวก และไข่เป็นแผ่นบางสวย</li>
<li><b>การห่อไข่ใส่นม…ไข่จะนิ่มขึ้น</b></li>
<li>ที่สำคัญเลย เ<b>วลาทำข้าวห่อไข่ย้ำว่าให้ใช้ไฟอ่อน</b> (ใจเย็นๆ) ไข่จะได้บางและสวยนะครับ</li>
<li>ข้าวห่อไข่ เราจะทำเป็นข้าวผัดเปล่าๆ ห่อไข่ก็ได้ …อร่อยเหมือนเดิมใช้สูตรเดียวกับด้านบนนี้ เพียงแค่ไม่ใส่กุ้งก็เท่านั้นเอง หรือจะใส่เป็นเนื้อหมู ไก่ ทะเล หรือใส่ผักต่างๆเพิ่มก็ได้ทั้งนั้น^^</li>
</ul>
<span style="color: #444444;">เรียบเรียงโดย Zabwer.com </span></div>
<div>
<span style="color: #444444;">ที่มาสูตรแนะนำไว้โดยคุณ kateka.diaryclub.com</span></div>
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-76401428726766082312016-09-21T08:41:00.000-07:002016-09-21T09:14:36.471-07:0012 สูตรน้ำสมุนไพรยอดฮิต ทำขายสร้างรายได้เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ <b>น้ำสมุนไพร</b> หรือ<b>น้ำผลไม้</b> สามารถทำขายเป็นอาชิพเสริมหรืออาชีพหลักได้ โดยเฉพาะน้ำสมุนไพรนั้น ลงทุนน้อย กำไรงาม วิธีทำก็แสนง่ายไม่ยุ่งยาก ทำบรรจุขวดขาย ยิ่งปัจจุบันคนหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้นจึงเป็นที่ต้องการของตลาดค่อนข้างมาก น้ำสมุนไพรนั้นหากทำดีๆ รสชาติอร่อยๆ ขายดีแน่นอน วันนี้เรานำ 12 สูตรน้ำดื่มสมุนไพรมาแนะนำ รับรองอร่อย สดชื่น ติดใจเมื่อได้ลิ้มลอง…..<br /><br /><div style="text-align: center;">
<img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiIxi-1zq_YS-eJHXhMeSWaGqsAPYndLBTTu-LhqpgVz2J2bORRb2ixg4aXhanX5vK_qxADvzua3XUvazDlSAkAH9xZLo8TLUNwyABQ9_oCwaTUv3ipQeWRf3wlqzlofyVX_gOY029cT-ep/s400/12+%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3.jpg" width="400" /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<b><span style="background-color: #fff2cc;">1. น้ำกระเจี๊ยบพุทราจีน</span></b><span style="color: #990000;"><br /></span>น้ำกระเจี๊ยบบรรจุขวดทั่วไปดื่มแล้วชื่นใจ แต่ถ้าเพิ่มพุทราจีนลงไปหน่อยจะทำให้มีความหวานหอมกลมกล่อมและมีประโยชน์มากขึ้น<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEisV5ms8fqYHgwtoqeYnr_dBRxC0pH1NtDYIzQ64uXn_osLbfFrU_hjLo6SPVqpYTsNC57DZ7sd-uViilBRUmRSS8JO6iU2lEh9bkjpqHPugQBflxdR9y0x77uT02Jdd6l-l-_3P9urp5pq/s320/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%258A%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%259A2.jpg" /></div>
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม น้ำกระเจี๊ยบ</span></b><br />
<ul>
<li>ดอกกระเจี๊ยบแดงแห้ง 2 กำมือ</li>
<li>พุทราจีน 2 กำมือ</li>
<li>น้ำ 3 ลิตร</li>
<li>เกลือป่น 2 ช้อนชา</li>
<li>น้ำตาลทราย 1 ถ้วย</li>
</ul>
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำน้ำกระเจี๊ยบ</span></b><br />
<ol>
<li>ล้างดอกกระเจี๊ยบแดงแห้งและพุทราจีนในน้ำสะอาด เอาเศษฝุ่นออก (อย่าแช่น้ำนานเพราะจะทำให้เสียรสชาติและคุณค่าทางอาหาร)</li>
<li>ต้มน้ำจนเมื่อน้ำเดือดจัดแล้ว จึงใส่กระเจี๊ยบกับพุทราจีนลงไปต้ม ปิดฝา แต่ยังคงไฟร้อนไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นหรี่ไฟลงให้ร้อนปานกลาง ต้มทิ้งไว้อีก 15 นาที โดยปิดฝาไว้ตลอดเวลา (เคี่ยวจนน้ำเริ่มเปลี่ยนสี)</li>
<li>เสร็จแล้ว ค่อย ๆ เทน้ำตาลทรายและเกลือป่นลงไป คนผสมให้ละลาย ในปริมาณที่ชิมแล้วออกหวานเล็กน้อยหรือรสตสมชอบ และไม่มีรสขื่น เท่านี้ก็ใช้ได้ </li>
<li>กรองน้ำกระเจี๊ยบพุทราจีนด้วยผ้าขาวบางใส่ลงในหม้อสเตนเลสอีกใบ เท่านี้ก็เสร็จเรียบร้อย พักให้น้ำสมุนไพรเย็นตัวพอที่จะกรอกในขวดพลาสติกขนาด 200 ซีซี ได้ (ที่จำหน่ายขั้นต่ำขวดละ 10 บาท)</li>
</ol>
</div>
<div>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjN7xsDCP8JAOBgbJS4qPhMLenVYz3uD7RkZv8BmvLA7haWbbyyQJ1_82AH53KSY6Agx3_Om4SYAC7Uupvt5myKXgOVbh71GJyIuN7oHY8_bh4DOnM2QO42oPfLQc6b0yXykKjphkZxKOXP/s1600/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA4.jpg"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjN7xsDCP8JAOBgbJS4qPhMLenVYz3uD7RkZv8BmvLA7haWbbyyQJ1_82AH53KSY6Agx3_Om4SYAC7Uupvt5myKXgOVbh71GJyIuN7oHY8_bh4DOnM2QO42oPfLQc6b0yXykKjphkZxKOXP/s320/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA4.jpg" width="320" /></a></div>
</div>
<div>
<br />
<b style="background-color: #fff2cc;">2. น้ำเสาวรส</b><br />
น้ำเสาวรสเอาใจคนรักสุขภาพ เชื่อเถอะว่าต้องขายดีแน่นอน มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม น้ำเสาวรส</span></b><br />
• เนื้อเสาวรส 2 กิโลกรัม<br />
• น้ำเปล่า 2 ลิตร<br />
• น้ำตาลทราย 800 กรัม<br />
• เกลือป่นหยาบ 2 ช้อนชา<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำน้ำเสาวรส</span></b><br />
1. ใส่เนื้อเสาวรสและน้ำเปล่าลงในโถปั่นน้ำผลไม้ ปั่นจนละเอียด จากนั้นเทใส่หม้อ<br />
2. ยกขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำตาลทรายและเกลือป่น คนจนส่วนผสมเดือด ยกลงกรองผ่านกระชอน หรือผ้าขาวบาง รอจนอุ่นหรือเย็น บรรจุใส่ขวด พร้อมดื่ม<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj2VKWSLDe7pM7Qc6LpiKkpTzrW8GsR0b5VsCvurRMcoNNvmAxLXyabOp6NUbcWMwlIsAWFOQ-lQjA8TeMvhXSTMsbYjifpegiPFFzPpTxuO0JF1_af_8OKdHJ94F4yCkPIIdKqiqF48EhS/s1600/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25AE%25E0%25B8%25B1%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A21.jpg"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj2VKWSLDe7pM7Qc6LpiKkpTzrW8GsR0b5VsCvurRMcoNNvmAxLXyabOp6NUbcWMwlIsAWFOQ-lQjA8TeMvhXSTMsbYjifpegiPFFzPpTxuO0JF1_af_8OKdHJ94F4yCkPIIdKqiqF48EhS/s320/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25AE%25E0%25B8%25B1%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A21.jpg" /></a></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<b style="background-color: #fff2cc;">3. น้ำหล่อฮั้งก้วย</b><br />
น้ำหล่อฮั้งก้วย น้ำสมุนไพรขวดสุดฮิตประจำหน้าร้อนต้อง สูตรนี้ใส่ดอกเก๊กฮวยเพิ่มความหอมด้วย วิธีทำไม่ยาก เตรียมขวดให้พร้อม ต้มเสร็จรอให้เย็นแล้วบรรจุขวด<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม น้ำหล่อฮั้งก้วย</span></b><br />
<ul>
<li>หล่อฮั้งก้วย 4-5 ผล</li>
<li>น้ำเปล่า 3 ลิตร</li>
<li>ดอกเก๊กฮวยตากแห้ง 2 กำมือ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)</li>
<li>น้ำตาลทราย (ตามชอบ)</li>
</ul>
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำน้ำหล่อฮั้งก้วย</span></b><br />
<ol>
<li>ล้างผลหล่อฮั้งก้วยให้สะอาดแล้วบิให้แตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงในหม้อแล้วเทน้ำเปล่าลงไปแช่ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที</li>
<li>นำหม้อที่แช่หล่อฮั้งก้วยขึ้นตั้งไฟอ่อน ใส่ดอกเก๊กฮวยตากแห้งลงไป เคี่ยวไปเรื่อย ๆ ประมาณ 30 นาที จากนั้นเติมน้ำตาลทรายลงไป (ปริมาณตามชอบ) ชิมรส พอครบเวลาปิดไฟ ทิ้งไว้ให้เย็นเล็กน้อย</li>
<li>นำน้ำหล่อฮั้งก้วยไปกรองผ่านตะแกรง รอจนอุ่นหรือเย็น บรรจุใส่ขวด พร้อมดื่ม</li>
</ol>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjT_na2IY8_IlhmkIPdPttLSxKLNTDL566rr3jTBR9RwaTtPFrWWShIS6ngpE2Cnrmi5IB1H9liYxeO06I4SQZKAMTgLPQDnumzJ-vlwxqy63qNtmINY7GOqJAEZsyYal56csuHGR9aO3qj/s1600/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%259A%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25875.jpg"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjT_na2IY8_IlhmkIPdPttLSxKLNTDL566rr3jTBR9RwaTtPFrWWShIS6ngpE2Cnrmi5IB1H9liYxeO06I4SQZKAMTgLPQDnumzJ-vlwxqy63qNtmINY7GOqJAEZsyYal56csuHGR9aO3qj/s320/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%259A%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25875.jpg" width="280" /></a></div>
<br />
<b style="background-color: #fff2cc;">4. น้ำจับเลี้ยง</b><br />
น้ำจับเลี้ยงดื่มเมื่อไรสดชื่นทุกครั้ง ยิ่งอากาศร้อนแบบนี้เป็นจังหวะที่ดีอย่างยิ่งเลยค่ะ ทำใส่ขวดขายซะเลย เงินจงมา…<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม น้ำจับเลี้ยง </span></b><br />
<ul>
<li>ชุดจับเลี้ยงสำเร็จรูป (50-70 กรัม) จำนวน 1 ห่อ </li>
<li>น้ำ 2 ลิตร </li>
<li>น้ำตาลทราย หรือน้ำตาลทรายแดง (ตามชอบ) </li>
</ul>
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำน้ำจับเลี้ยง </span></b><br />
<ol>
<li>ใส่เครื่องจับเลี้ยงลงในหม้อ ตามด้วยน้ำ ต้มไฟอ่อนจนเดือด และน้ำเปลี่ยนสี ประมาณ 20 นาที ยกลงจากเตา กรองด้วยผ้าขาวบาง เอาเฉพาะน้ำ เทกลับใส่หม้อ นำขึ้นตั้งไฟ </li>
<li>ใส่น้ำตาลทราย คนผสมให้เข้ากัน ต้มจนเดือด ยกลงจากเตา รอจนอุ่นหรือเย็น บรรจุใส่ขวด พร้อมดื่ม </li>
</ol>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgxDv-IDy2Luoy1Zt-jcaIjknqPtsicvrIHYjgMEO7tqciwnR3fiRhOf7pW8oZkGhjNip274UZff4HfRo2sAZ2M-lAuEe7mp3qMRUvBBVb0PAPxRumGItoGieCEewyRiXqja93rcw6A7mIF/s1600/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258A%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25AE%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A23.jpg"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgxDv-IDy2Luoy1Zt-jcaIjknqPtsicvrIHYjgMEO7tqciwnR3fiRhOf7pW8oZkGhjNip274UZff4HfRo2sAZ2M-lAuEe7mp3qMRUvBBVb0PAPxRumGItoGieCEewyRiXqja93rcw6A7mIF/s320/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258A%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25AE%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A23.jpg" /></a></div>
</div>
<div>
<br />
<b style="background-color: #fff2cc;">5. น้ำเก๊กฮวย </b><br />
น้ำเก๊กฮวยกลิ่นหอมและดื่มง่าย สูตรนี้มีความหอมจากกลิ่นใบเตยด้วย ทำง่าย ๆ รับรองได้กำไรดีทีเดียว<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม น้ำเก๊กฮวย</span></b><br />
<ul>
<li>• ดอกเก๊กฮวย 1 กำมือ</li>
<li>• น้ำ 2 ลิตร</li>
<li>• น้ำตาลทราย 500 กรัม</li>
<li>• ใบเตย 10 ใบ</li>
</ul>
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำน้ำเก๊กฮวย</span></b><br />
<ol>
<li>ต้มน้ำ ใส่ใบเตยลงไป รอจนเดือดกับใบเตยจนเดือด ใส่ดอกเก๊กฮวยลงไปเคี่ยวสักพัก</li>
<li>ใส่น้ำตาลทรายลงไปคนให้ละลาย รอจนเดือดอีกครั้ง ปิดไฟ พักไว้จนเย็น</li>
<li>พอน้ำเก๊กฮวยเริ่มอุ่น ยกลงกรองกับผ้าขาวบาง (*** ระหว่างแช่ดอกเก็กฮวยห้ามคนเด็ดขาด จะทำให้ขม***)</li>
<li>บรรจุใส่ขวด พร้อมดื่ม</li>
</ol>
</div>
<div>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQYI1ZEPG18hxaNOKapSVPw_kXFjvIrePobFtVP5vUYBcS0jsreEYFZ4MdCz5trBDz54CJJDuFa1EdWUfWF7hm71nIfq9dQbqXl7CW5hZ3iCST8Py1dSYcQAYIJBQffYzdnGgi79iGF4Er/s1600/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259D%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A26.jpg"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQYI1ZEPG18hxaNOKapSVPw_kXFjvIrePobFtVP5vUYBcS0jsreEYFZ4MdCz5trBDz54CJJDuFa1EdWUfWF7hm71nIfq9dQbqXl7CW5hZ3iCST8Py1dSYcQAYIJBQffYzdnGgi79iGF4Er/s320/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259D%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A26.jpg" /></a></div>
<br />
<b style="background-color: #fff2cc;">6. น้ำดอกคำฝอย</b><br />
น้ำดอกคำฝอยสรรพคุณแจ่มแต่หาดื่มยากเหมือนกันนะคะ ลองทำเป็นน้ำสมุนไพรขวดขายสิรับรองขายดิบขายดี สูตรนี้นอกจากใส่ดอกคำฝอยลงไปต้มกับน้ำแล้วยังใส่ดอกเก๊กฮวยเพิ่มกลิ่นหอมอีกด้วย เพิ่มความหวานจากน้ำเชื่อมอีกนิด ลูกค้าดื่มต้องติดใจแน่นอน<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม น้ำดอกคำฝอย</span></b><br />
<ul>
<li>น้ำ 2 ลิตร</li>
<li>ดอกคำฝอยแห้ง 4 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>ดอกเก๊กฮวยแห้ง 1 กำมือ</li>
<li>น้ำตาลทราย (ตามชอบ)</li>
</ul>
<span style="color: #990000;"><b>วิธีทำน้ำดอกคำฝอย</b></span><br />
<ol>
<li>ใส่น้ำ ดอกคำฝอย และดอกเก๊กฮวยลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟแรงต้มจนเดือดและน้ำเริ่มเปลี่ยนสี</li>
<li>ลดไฟอ่อนลง เติมน้ำตาลทรายลงไปคนผสมให้ละลาย ชิมรสตามชอบ ต้มต่ออีกสักครู่</li>
<li>ยกลงจากเตา กรองเอากากออก รอจนอุ่น ตักใส่ขวด พร้อมดื่ม</li>
</ol>
</div>
<div>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjUi7bFktXZtOuXwxJJXObOJp38rclYHZsn2OLhyphenhyphen6Qg8pYPzxC_Tj4J5C6kN7cL173x87etKk8AgZH0v00bjHjIpg3G8NLRvl1YsXyRvV2F-tlWrUtcy8np9L82nCyScTZQP96mzTp9sLas/s1600/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25A17.jpg"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjUi7bFktXZtOuXwxJJXObOJp38rclYHZsn2OLhyphenhyphen6Qg8pYPzxC_Tj4J5C6kN7cL173x87etKk8AgZH0v00bjHjIpg3G8NLRvl1YsXyRvV2F-tlWrUtcy8np9L82nCyScTZQP96mzTp9sLas/s320/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25A17.jpg" /></a></div>
</div>
<div>
<br />
<b style="background-color: #fff2cc;">7. น้ำมะตูม</b><br />
ใครสนใจอยากได้สูตรน้ำมะตูมเข้ามาจดสูตรได้เลยค่ะ เริ่มจากเอามะตูมแห้งไปย่างไฟจนหอมแล้วค่อยเอาไปต้มกับน้ำเปล่าค่ะ สูตรนี้ใส่น้ำตาลทรายแดงเพิ่มสีสันและรสหวานกลมกล่อม ถ้าพรุ่งนี้เช้าจะต้มน้ำสมุนไพรขวดขายไปซื้อมะตูมแห้งไว้รอเลย<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม น้ำมะตูม</span></b><br />
<ul>
<li>มะตูมแห้ง 10 ชิ้น</li>
<li>น้ำ 2 ลิตร</li>
<li>น้ำตาลทรายแดง 100 กรัม</li>
</ul>
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำน้ำมะตูม</span></b><br />
<ol>
<li>นำมะตูมแห้งไปย่างไฟ หรือคั่วในกระทะจนมีกลิ่นหอม เตรียมไว้</li>
<li>ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางใส่มะตูมที่ย่างไฟลงไปต้มจนเดือดและน้ำเปลี่ยนสี หรือนานประมาณ 30 นาที</li>
<li>จากนั้นใส่น้ำตาลทรายแดงลงไปคนผสมจนน้ำตาลละลายหมด ชิมรส</li>
<li>ยกลงจากเตา กรองเอากากออก พักทิ้งไว้จนเย็น บรรจุใส่ขวด พร้อมดื่ม</li>
</ol>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiRh91U-TDOEHCEObozO15Q0PqsEycfp5u9UH6KEWRBFyiJi3ZLPzgKvKFl4tnTMjFo8hEp80nnVsD5JP2gGbtZPTeCoFt-CwUa_X3wE-8ULh9MU2Nz-x9xoltxDCxE9g0zruC4AER3QlMV/s1600/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25818.jpg"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiRh91U-TDOEHCEObozO15Q0PqsEycfp5u9UH6KEWRBFyiJi3ZLPzgKvKFl4tnTMjFo8hEp80nnVsD5JP2gGbtZPTeCoFt-CwUa_X3wE-8ULh9MU2Nz-x9xoltxDCxE9g0zruC4AER3QlMV/s320/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25818.jpg" /></a></div>
<b style="background-color: #fff2cc;"><br />8. น้ำใบบัวบก</b><br />
น้ำใบบัวบกทั่วไปอาจมีกลิ่นเหม็นเขียว แต่ขอบอกว่าถ้าใครได้ทำน้ำใบบัวบกสูตรนี้รับรองหอมอร่อยแน่นอน เพราะใส่ใบเตยลงไปเพิ่มความหอม และได้ความหวานจากน้ำเชื่อม ใครได้ดื่มต้องติดใจจ้า<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม น้ำใบบัวบก</span></b><br />
<ul>
<li>ใบบัวบก 1 กิโลกรัม ถึง 1.5 กิโลกรัม</li>
<li>น้ำ 12 ถ้วย</li>
<li>ใบเตย 6 ใบ</li>
<li>น้ำเชื่อม 6 ถ้วย</li>
</ul>
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำน้ำใบบัวบก</span></b><br />
<ol>
<li>ล้างใบบัวบกให้สะอาด สะเด็ดน้ำ จากนั้นหั่นเป็นท่อนสั้น ๆ เตรียมไว้</li>
<li>ต้มน้ำกับใบเตยจนเดือด พักทิ้งไว้จนน้ำอุ่น</li>
<li>แบ่งใบบัวบกเป็น 6 ส่วน ทยอยใส่ลงในเครื่องปั่น ตามด้วยน้ำต้มสุกที่อุ่นแล้ว 1 ถ้วยลงปั่นจนละเอียดเป็นน้ำ ทำซ้ำจนหมด</li>
<li>ยกลงกรองด้วยผ้าขาวบาง เอาแต่เฉพาะน้ำ</li>
<li>ใส่น้ำเชื่อมลงในน้ำใบบัวบก คนผสมให้เข้ากัน พักทิ้งไว้จนเย็น บรรจุใส่ขวด พร้อมดื่ม</li>
</ol>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjoX3hYUc-jQp_WAa1qw5v71GY5x4jgEc_30rEIbJKm0mL6SRJonTDX6dottxYs47F-wfqVYdSpWcEChd1l2SgStw-ntkfvIpr5AZVspAyJcektMYsFBscdEXuWwiLwqIkq4gLLV-kI1FgQ/s1600/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A710.jpg"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjoX3hYUc-jQp_WAa1qw5v71GY5x4jgEc_30rEIbJKm0mL6SRJonTDX6dottxYs47F-wfqVYdSpWcEChd1l2SgStw-ntkfvIpr5AZVspAyJcektMYsFBscdEXuWwiLwqIkq4gLLV-kI1FgQ/s320/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A710.jpg" width="320" /></a></div>
</div>
<div>
<br />
<b style="background-color: #fff2cc;">9. น้ำฟักข้าว</b><br />
ปิดท้ายกันด้วยสูตรน้ำฟักข้าวสีส้มสรรพคุณเลอค่า ที่หาดื่มยากนัก ใครสนใจทำเป็นน้ำสมุนไพรขวดขายต้องได้รับการตอบรับดีเกินคาดแน่นอน<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม น้ำฟักข้าว</span></b><br />
<ul>
<li>ฟักข้าว 2 ลูก</li>
<li>น้ำต้มสุก 6 ถ้วย</li>
<li>เกลือป่น เล็กน้อย</li>
<li>น้ำเชื่อม ตามชอบ</li>
</ul>
<br />
<span style="color: #990000;"><b>วิธีทำน้ำฟักข้าว</b></span><br />
<ol>
<li>ผ่าครึ่งลูกฟักข้าว คว้านเอาเม็ดออก จากนั้นปอกเปลือกออกแล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ</li>
<li>ใส่เนื้อฟักข้าวลงในเครื่องปั่น ตามด้วยน้ำต้มสุก ปั่นจนละเอียดเข้ากันดี เติมน้ำเชื่อมและเกลือป่นตามชอบ คนผสมให้เข้ากัน พักทิ้งไว้จนเย็น บรรจุใส่ขวด พร้อมดื่ม</li>
</ol>
<div style="text-align: center;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgcWQ1VeuqL2O2ptFb9ixtjvjTjMjgEwGj7b-U2EqpC2WkyY7z4_x5jbeBT7V7HiCej_h3Fk9T61uHvPFQWEejc5G4pr4gtv4lve2pArIBYYywb06Tx4Kd_vvXpPEeka2BoIWzq5y2UBusY/s320/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%258D%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7.jpg" /></div>
<br />
<b style="background-color: #fff2cc;">10. น้ำอัญชันมะนาว</b><br />
ดอกอัญชันนอกจากเอาไปทำเป็นสีใส่ขนมไทยได้แล้วยังเอามาทำเครื่องดื่มน้ำอัญชันมะนาว รสชาติเปรี้ยวหวานชื่นใจได้อีกด้วย ใครสนใจไปเด็ดดอกอัญชันหน้าบ้านรอไว้เลย แค่นี้ก็พร้อมต้มน้ำสมุนไพรขวดขายกันแล้ว</div>
<div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
</div>
<div>
<span style="color: #990000;"><b>ส่วนผสม น้ำอัญชันมะนาว</b></span><br />
<ul>
<li>น้ำ 2 ถ้วยตวง</li>
<li>ดอกอัญชันสด 100 กรัม</li>
<li>น้ำเชื่อม 4 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำมะนาว (ตามชอบ)</li>
</ul>
<span style="color: #990000;"><b>วิธีทำน้ำอัญชันมะนาว</b></span><br />
<ol>
<li>ใส่น้ำลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟต้มจนเดือด ใส่ดอกอัญชันลงต้ม ปิดฝาทิ้งไว้ประมาณ 2-3 นาที ยกลงจากเตา ยกลงกรองดอกอัญชันออก เอาเฉพาะน้ำ เตรียมไว้</li>
<li>ผสมน้ำดอกอัญชันกับน้ำเชื่อม น้ำผึ้ง และน้ำมะนาว คนผสมให้เข้ากัน พักทิ้งไว้จนเย็น บรรจุใส่ขวด พร้อมดื่ม</li>
</ol>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgY9D2NonaxUlhLET6W14gsa1aslSxy4ujqiMKSyrSyr2cVt0xz_1V_S2ehL21u1FElVBTviLBUwpe6VVve65EIgorLKFVZ88OPfLtR2fqLS3PycoxqTyNPjzOQZMB-Km9UBK9qMlUDMyNc/s1600/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%258D%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%258D%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%259A%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A211_1-tile.jpg"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgY9D2NonaxUlhLET6W14gsa1aslSxy4ujqiMKSyrSyr2cVt0xz_1V_S2ehL21u1FElVBTviLBUwpe6VVve65EIgorLKFVZ88OPfLtR2fqLS3PycoxqTyNPjzOQZMB-Km9UBK9qMlUDMyNc/s320/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%258D%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%258D%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%259A%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A211_1-tile.jpg" /></a></div>
</div>
<div>
<br />
<b style="background-color: #fff2cc;">11. น้ำอัญชัญใบเตย</b><br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม </span></b><br />
<ul>
<li>ดอกอัญชัน 1 กำมือ </li>
<li>ใบเตย 3-4 ต้น </li>
<li>น้ำมะนาว </li>
<li>เกลือป่นเสริมไอโอดีน </li>
</ul>
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำ </span></b><br />
<ol>
<li>นำดอกอัญชันมาเด็ดขั้วออกและล้างให้สะอาด เตรียมไว้ และเตรียมใบเตย 3-4 ต้น ล้างให้สะอาดและหั่นครึ่ง เตรียมไว้ </li>
<li>ต้มน้ำสะอาดในหม้อสเตนเลสขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8.5 นิ้ว และสูง 9 นิ้ว ต้มจนน้ำเดือดจัด เมื่อน้ำเดือดจัดแล้วใส่อัญชัน และใบเตยลงไป ปิดฝา แต่ยังคงไฟร้อนไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นหรี่ไฟลงให้ร้อนปานกลาง ปิดฝาไว้ตลอดเวลา ต้มทิ้งไว้อีก 15 นาที </li>
<li>เสร็จแล้วบีบมะนาวและเกลือลงไปเล็กน้อย เพื่อให้สีจากดอกอัญชันออกมามาก ๆ แล้วค่อย ๆ เทน้ำตาลทรายใส่ลงไป ปริมาณที่ชิมแล้วออกหวานเล็กน้อย และไม่มีรสเฝื่อน </li>
<li>กรองน้ำด้วยผ้าขาวบางใส่น้ำอัญชันลงในหม้อสเตนเลส อีกใบ เท่านี้ก็ใช้ได้ พักให้น้ำสมุนไพรเย็นตัวพอที่จะกรอกในขวดพลาสติกขนาด 200 ซีซี ได้ </li>
</ol>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEijVV1fom3ldRWRP9aOBsFD9BMFG7RgjRc542_NDRRSldBy_7qvByyLMTHorOXkDGD1ujxd1D1HofXECX-FqLBcW-_BcZdiKvTg4twEbqB20ssRGpqDPKjaTwCiZjx5Frk4IVxR2wEZPf86/s1600/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2589%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%259A%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A212.jpg"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEijVV1fom3ldRWRP9aOBsFD9BMFG7RgjRc542_NDRRSldBy_7qvByyLMTHorOXkDGD1ujxd1D1HofXECX-FqLBcW-_BcZdiKvTg4twEbqB20ssRGpqDPKjaTwCiZjx5Frk4IVxR2wEZPf86/s320/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2589%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%259A%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A212.jpg" /></a></div>
</div>
<div>
<br />
<b style="background-color: #fff2cc;">12. น้ำตะไคร้ใบเตย </b><br />
น้ำตะไคร้ใบเตย นั้นมีสรรพคุณช่วยในการลดไขมันในเส้นเลือด บำรุงธาตุไฟ ขับลมในลำไส้ แก้ท้องอืด ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ช่วยบำรุงหัวใจ รสเย็นสบาย ให้กลิ่นหอมสดชื่น<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม </span></b><br />
<ul>
<li>ตะไคร้สด 6-7 ต้น</li>
<li>ใบเตย 3-4 ต้น</li>
<li>น้ำตาลทรายแดง</li>
</ul>
<b style="background-color: white;"><span style="color: #990000;">วิธีทำ</span></b><br />
<ol>
<li>นำตะไคร้สดมาตัดใบออก ล้างให้สะอาด แล้วทุบด้านหัวให้พอแตก เตรียมไว้ และเตรียมใบเตยล้างให้สะอาด แล้วหั่นครึ่ง เตรียมไว้</li>
<li>ต้มน้ำสะอาดในหม้อสเตนเลสขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 8.5 นิ้ว และสูง 9 นิ้ว ต้มจนน้ำเดือดจัด เมื่อน้ำเดือดจัดแล้วใส่ตะไคร้ และใบเตยลงไป ปิดฝา แต่ยังคงไฟร้อนไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นหรี่ไฟลงให้ร้อนปานกลาง ต้มทิ้งไว้อีก 15 นาที…โดยปิดฝาตลอดเวลา </li>
<li>เสร็จแล้ว ค่อย ๆ เทน้ำตาลทรายใส่ลงไปในปริมาณที่ชิมแล้วออกหวานเล็กน้อย และไม่มีรสเฝื่อน</li>
<li>กรองน้ำสมุนไพรด้วยผ้าขาวบางลงในหม้อสเตนเลสอีกใบ แล้วพักให้เย็นตัวพอที่จะกรอกในขวดพลาสติกขนาด 200 ซีซี เท่านี้ก็เสร็จแล้ว</li>
</ol>
<b><span style="color: blue; font-size: large;">เคล็ดลับความอร่อย</span></b><br />
<ul>
<li><b>การเลือกสมุนไพร</b> การเลือกสมุนไพรที่จะนำมาทำน้ำสมุนไพร ต้องคำนึงถึงสมุนไพรที่สด ถ้าเป็นสมุนไพรที่ต้องทำให้แห้ง ควรเลือกสมุนไพรที่ใหม่สะอาด ดูลักษณะ สี กลิ่น ดูว่ามีเชื้อราหรือไม่ สมุนไพรที่สดใหม่ช่วยให้ได้คุณค่าทางโภชนาการสูง สีสันน่ารับประทาน </li>
<li><b>ความสะอาด</b> ทั้งสมุนไพรและภาชนะที่ใช้ต้องสะอาด ป้องกันการปนเปื้อนเชื้อ ถ้าไม่สะอาด อาจทำให้ผู้ดื่มน้ำสมุนไพร ท้องเสีย และยังทำให้สมุนไพรเก็บไม่ได้นานเท่าที่ควร </li>
<li><b>ภาชนะที่ใช้ </b>ภาชนะที่ต้มควรจะเป็นหม้อเคลือบ ไม่ควรใช้หม้ออลูมิเนียม เพราะอาจทำให้กรดที่อยู่ในสมุนไพรกัดภาชนะ ถ้าเป็นหม้อหรือกะทะทองเหลืองจะทำให้รสของน้ำสมุนไพรเปลี่ยนไป นอกจากนี้การที่เราดื่มน้ำสมุนไพรที่มีสารโลหะหนักผสมอยู่อาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ สำหรับภาชนะที่บรรจุควรจะเป็นขวดแก้ว จะสะดวกในการนึ่ง และน้ำสมุนไพรจะไม่ทำปฏิกิริยากับขวดแก้ว ภาชนะที่เป็นแก้วยังดูใสสะอาดน่าดื่มยิ่งขึ้น</li>
<li><b>เทคนิคของการที่ทำให้น้ำสมุนไพรอยู่ได้นานถึง 7 วัน</b> โดยไม่ต้องใส่สารกันบูด คือระหว่างที่รอให้น้ำสมุนไพรเย็นตัวนั้น ให้นำหม้อน้ำสมุนไพรนี้ ใส่ลงในกะละมังที่มีน้ำเย็นอยู่ วิธีนี้จะทำให้น้ำสมุนไพรอยู่ได้นานขึ้น</li>
</ul>
เอาล่ะ… ใครอยากทำขายก็จัดไป รับรองถ้าทำขายหมุนเวียนกันไปทุกวันลูกค้าไม่เบื่อแน่นอน<br />
<br />
<span style="color: #666666;">Credit: chaoprayanews.com<br />www.msn.com</span></div>
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-80160554797912895292016-09-15T01:15:00.004-07:002016-09-23T05:31:31.851-07:00แจกสูตรยำปลาดุกฟู 2 สูตรอร่อยเด็ด ทำขายได้เลย<br />
เมนูอาหารไทย “<b style="background-color: white;"><span style="color: #cc0000;">ยำปลาดุกฟู</span></b>” รับประกันความอร่อยจนต้องบอกต่อ เนื้อปลาดุกทอดจนเหลืองกรอบ คลุกเคล้าด้วยน้ำยำมะม่วงสับรสจัดจ้าน ผสานกับความหอมมันของถั่วลิสงทอดอย่างลงตัว จึงเป็นที่ถูกใจของหลายคนที่ชอบอาหารรสแซ่บจัดจ้าน วันนี้ครัว zabwer.com ขอแนะนำยำปลาดุกฟู 2 สูตรรสเด็ด อร่อยทั้ง 2 สูตร ทำได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก ทำทานที่บ้านหรือสามารถนำไปทำขายได้เลย…. <br />
<br />
<b><span style="color: purple; font-size: large;">ยำปลาดุกฟู สูตรที่ 1 </span></b><br />
สูตรนี้ครัว <a href="http://www.zabwer.com/2016/09/crispy-catfish-with-green-mango-salad.html">zabwer.com</a> ขอนำเสนอ เป็นอีกสูตรที่ทำง่าย และอร่อยแซ่บจัดจ้าน <br />
<br />
<div style="text-align: center;">
</div>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgs75EXxHGW39qijHlgu9woKXehcRG3fHdaA8xmj9dd2H_Qvd7-MRPrya4qSzcuazo-kf1GCVDRcKvgcCDu6WTAhUDmAUoelwBfBJ9JTi4g-OnL56cFan2aXL6k3ZAYxFwov9MU7PhJsKU3/s1600/%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2581.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img alt="" border="0" height="276" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgs75EXxHGW39qijHlgu9woKXehcRG3fHdaA8xmj9dd2H_Qvd7-MRPrya4qSzcuazo-kf1GCVDRcKvgcCDu6WTAhUDmAUoelwBfBJ9JTi4g-OnL56cFan2aXL6k3ZAYxFwov9MU7PhJsKU3/s400/%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2581.jpg" title="ยำปลาดุกฟู" width="400" /></a></div>
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม</span></b><br />
<ol>
<li>ปลาดุกย่างตัวขนาดกลาง (ตัวขนาดประมาณ 500 กรัม) แกะเอาแต่เนื้อ 1 ตัว </li>
<li>เกล็ดขนมปัง ½ ถ้วย</li>
<li>หอมแดง ซอย ¼ ถ้วย (ซอย)</li>
<li>มะม่วงดิบเปรี้ยว สับและฝาน 1 ลูก หรือ 1 ถ้วยตวง</li>
<li>ผักขึ้นฉ่าย หั่นท่อน ½ ถ้วยตวง</li>
<li>ถั่วลิสง หรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ¼ ถ้วยตวง</li>
<li>แครอท ซอยเป็นเส้นๆ (ใส่ หรือไม่ใส่ก็ได้)</li>
<li>ผักกาดหอม สำหรับรองจาน</li>
<li>น้ำมันพืช สำหรับทอด</li>
</ol>
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสมน้ำยำปลาดุกฟู</span></b><br />
<ol>
<li>น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำมะนาว 4 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำตาลปี๊บ หรือน้ำตาลทราย 5 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>พริกขี้หนูสวน บุบพอประมาณ 10 เม็ด</li>
</ol>
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำ</span></b><br />
<ol>
<li>นำปลาดุกไปย่างให้สุก จะย่างเองหรือซื้อมาก็ได้…แกะเอาแต่เนื้อปลา และที่สำคัญนำเนื้อปลามาสับให้ละเอียด</li>
<li>นำเนื้อปลาสับมาผสมกับเกล็ดขนมปังให้เข้ากัน แล้วสับให้ละเอียดอีกที </li>
<li>ใส่น้ำมันพืชในกระทะ (ใช้น้ำมันมาก) ตั้งไฟพอร้อนจัดให้นำปลาดุกที่ผสมไว้ทอดให้เหลืองฟู ล้างผักกาดหอมลอกเป็นกาบ ทอดถั่วลิสงจนสุก เด็ดผักชีเป็นใบ</li>
<li>ผสมน้ำยำ คือน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บหรือน้ำตาลทราย และพริกขี้หนูสวน คนให้เข้ากัน และใส่มะม่วงดิบ หอมแดงซอย และผักขึ้นฉ่ายหั่นท่อน ผสมลงไป ชิมรสตามชอบ</li>
<li>จัดปลาดุกฟูใส่จานที่รองด้วยผักกาดหอม โรยถั่วลิสงคั่ว เสิร์ฟคู่กับน้ำยำที่ใส่ถ้วย (ในข้อที่ 4) หรือจะราดน้ำยำลงบนเนื้อปลาดุกฟูทอดเลยก็ได้</li>
</ol>
<b><span style="color: purple; font-size: large;">ยำปลาดุกฟู สูตรที่ 2 </span></b><br />
สูตรนี้<a href="http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2010/02/D8845455/D8845455.html" rel="nofollow" target="_blank">คุณ MONROVIA</a> สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ได้นำมาโพสท์แบ่งปันเอาไว้ แนะวิธีทำไว้ค่อนข้างละเอียด แถมรสชาติที่ได้ก็อร่อยอีกต่างหาก ลองไปดูวิธีทำกัน<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh8D-T3-ylPr-UX2uy-izGsNuBCHEIunqASWSKFJyMsIEo4e2rQRqrFW9TtxJFgGY2jZzdk9CyG9v5kUta7tEW5pxEwtTohWQobwn36S4YMefSDS2yssoE9Jf6a9uTfQd1ZSnQDhTCey6aE/s1600/%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25B9+%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2.jpg"><img border="0" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh8D-T3-ylPr-UX2uy-izGsNuBCHEIunqASWSKFJyMsIEo4e2rQRqrFW9TtxJFgGY2jZzdk9CyG9v5kUta7tEW5pxEwtTohWQobwn36S4YMefSDS2yssoE9Jf6a9uTfQd1ZSnQDhTCey6aE/s400/%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25B9+%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม</span></b><br />
<ol>
<li>ปลาดุก 1 กิโลกรัม</li>
<li>น้ำมันพืช สำหรับทอด</li>
<li>ถ่าน สำหรับย่าง</li>
</ol>
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสมน้ำยำ</span></b><br />
<ol>
<li>มะนาวลูกใหญ่ 10 ลูก</li>
<li>น้ำปลาทิพรส</li>
<li>น้ำตาลปี๊บเคี่ยว 1 กิโลกรัม</li>
<li>พริกขี้หนู 2 ขีด</li>
</ol>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhp7jx337VI3JRfqweCsEQl2SBa8dJVewh8TyD9PIGaed3Ggm7uCMBpzYHOoMmw_rxGXshAuH5escf7sOD4lRKfCEexGV6eDo9MBbh6ffMSzILqhyphenhyphen4On9gPbDBAo1Rh202XG7gilYcnEOqJ/s1600/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25B9.jpg"><img border="0" height="240" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhp7jx337VI3JRfqweCsEQl2SBa8dJVewh8TyD9PIGaed3Ggm7uCMBpzYHOoMmw_rxGXshAuH5escf7sOD4lRKfCEexGV6eDo9MBbh6ffMSzILqhyphenhyphen4On9gPbDBAo1Rh202XG7gilYcnEOqJ/s320/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25B9.jpg" width="320" /></a></div>
<div>
<br />
<b><span style="color: #990000;">ผักที่ใช้</span></b><br />
<ol>
<li>ขึ้นฉ่าย</li>
<li>หอมแขก</li>
<li>มะม่วงน้ำดอกไม้ (มะม่วงเปรี้ยว) </li>
<li>ผักกาดหอม สำหรับรองจาน</li>
</ol>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjdcs-Nssq_KXJki6Zh4gQpuoU-qJZjwhE8OI-ILi2NDO95mVUfH6G41yLzZCT3_Ti6bGoSghEvqlWAFcv61uxZrOKLh7HPN4zGAiUcBj56fsdSjA0u6qKnvKyDwJfYuqfAofGNNC2g48Dk/s1600/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25B9.jpg"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjdcs-Nssq_KXJki6Zh4gQpuoU-qJZjwhE8OI-ILi2NDO95mVUfH6G41yLzZCT3_Ti6bGoSghEvqlWAFcv61uxZrOKLh7HPN4zGAiUcBj56fsdSjA0u6qKnvKyDwJfYuqfAofGNNC2g48Dk/s400/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25B9.jpg" width="355" /></a></div>
<br />
<span style="color: #990000;"><b>วิธีทำยำปลาดุกฟู</b></span></div>
<div>
1. ล้างปลาดุกให้สะอาด เตรียมใส่ตะแกรงย่าง ถ้าย่างทีละเยอะๆ ก็จะใส่ถังย่างกันเลย<br />
2. พอปลาสุกแล้วก็รอให้เย็น<br />
3. แกะเนื้อปลา แยกหนังแยกเนื้อ ก็จะได้เนื้อแบบในรูปที่ 3 <br />
4. แล้วก็สับเนื้อปลาให้ละเอียด ถ้าปลายังแฉะๆ อยู่ก็ผึ่งให้แห้งซะหน่อย …เมื่อปลาแห้งพอสมควรแล้ว ก็ซุยๆ เตรียมไว้ (ไม่ต้องผสมอะไรทั้งสิ้น)<br />
5. ตั้งกะทะใส่น้ำมันประมาณ 1 ลิตรครึ่ง ให้น้ำมันร้อนพอสมควร สังเกตุจากลองโรยเนื้อปลาลงไปนิดนึงถ้าจมแล้วลอยปั๊บแสดงว่าเอาปลาทอดได้ ให้ใส่ปลาลงไป 1 กำมือ<br />
6. ลงไปแล้วมันก็จะซ่าสักพัก …เดี๋ยวเสียงซ่านั้นหมดก็เตรียมพลิกกัน<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjlol2g_JTLr_3fyjavXuC-zSieXszoTDxx7yaf-zBs53QLeranHgq8ERximOoutUK38JTapmC9MrYihmUPNCEKT3u_Masqbq4QocrDCoVKAFHXVNYXMVZpi07zUOTLAQCHozc02pZa6Svi/s1600/7.jpg"><img border="0" height="240" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjlol2g_JTLr_3fyjavXuC-zSieXszoTDxx7yaf-zBs53QLeranHgq8ERximOoutUK38JTapmC9MrYihmUPNCEKT3u_Masqbq4QocrDCoVKAFHXVNYXMVZpi07zUOTLAQCHozc02pZa6Svi/s320/7.jpg" width="320" /></a></div>
<br />
7. พอได้แบบนี้แล้ว เตรียมพลิกได้เลย<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj9OUypU7rnZkxWUbD155Ir3uqlAu7Ig_scLD4Uqyy7gBTXKTLpA_cwEk5DE4uAqynwQ-EmDx5bCM3x3SmpHiqv3bWNAOGpHyiethYo06wPpSt3myIU2bzTEkqNkpoDqksezsym_33zJD1x/s1600/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25B9+%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%259A.jpg"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj9OUypU7rnZkxWUbD155Ir3uqlAu7Ig_scLD4Uqyy7gBTXKTLpA_cwEk5DE4uAqynwQ-EmDx5bCM3x3SmpHiqv3bWNAOGpHyiethYo06wPpSt3myIU2bzTEkqNkpoDqksezsym_33zJD1x/s320/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25B9+%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%259A.jpg" /></a></div>
<br />
8. เริ่มจากพลิกขวา พลิกซ้าย ทบหัว และทบหาง นำขึ้นสะเด็ดน้ำมัน ตักขึ้นพักบนกระดาษซับน้ำมัน<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEggez7uQ5R1PFUTOSdIlORTkAWjjm5cYLZ4LdhIsuL71FPQakZbMPVEf8RfkkYB0xsR5LmJyBrUJBp_pN9vAa0D9Di2ydzu22o779V53RUjZv34cQZyCLZTyhLsOC3zT-a1hS9hW0y-QOcR/s1600/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25B92.jpg"><img border="0" height="120" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEggez7uQ5R1PFUTOSdIlORTkAWjjm5cYLZ4LdhIsuL71FPQakZbMPVEf8RfkkYB0xsR5LmJyBrUJBp_pN9vAa0D9Di2ydzu22o779V53RUjZv34cQZyCLZTyhLsOC3zT-a1hS9hW0y-QOcR/s320/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25B92.jpg" width="320" /></a></div>
<br />
9. ส่วนน้ำมันก็เบาไฟอ่อนๆ นำถั่วลิสงลงทอดต่อได้เลย ก็จะได้ถั่วคั่วสุกหอมๆ แล้ว<br />
จัดปลาดุกฟูใส่จานที่รองด้วยผักกาดหอม โรยถั่วลิสงคั่ว ใส่หอมแดง มะม่วงสับ และผักขึ้นฉ่าย ลงไปตกแต่งให้สวยงาม เสิร์ฟคู่กับน้ำยำปลาดุกฟูที่ใส่ถ้วย <br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำน้ำยำปลาดุกฟู</span></b><br />
ทำน้ำยำโดยผสมน้ำตาลปี๊บเคี่ยว น้ำปลา และน้ำมะนาว โดยอัตราส่วน 2:1:1 เข้าด้วยกันในถ้วย และใส่พริกขี้หนูลงไป คนให้ส่วนผสมเข้ากัน ชิมรสตามชอบ<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh8No0T0PZlrTWNAm48qxuDNhC76kHlNeIKYQwAKR-6uphrtnRXdl6RxNAcgm0KG9qSyMpIC40CeClCI97Bg8VGbou4crPualrSKu-OeDOsM5uOfW1-FugMFH-sgWnwPwj-iwMqp7YVZeVv/s1600/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25B9.jpg"><img border="0" height="240" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh8No0T0PZlrTWNAm48qxuDNhC76kHlNeIKYQwAKR-6uphrtnRXdl6RxNAcgm0KG9qSyMpIC40CeClCI97Bg8VGbou4crPualrSKu-OeDOsM5uOfW1-FugMFH-sgWnwPwj-iwMqp7YVZeVv/s320/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259F%25E0%25B8%25B9.jpg" width="320" /></a></div>
<br />
<b><span style="color: blue;">เคล็ดลับความอร่อยวิธีทำยำปลาดุกฟู ให้กรอบฟู อร่อย</span></b><br />
<ul>
<li><b>ปลาดุกย่าง</b> …ถ้าย่างเองก็นำปลาดุกมาล้างให้สะอาดและนำไปย่าง …หรือจะย่างในเตาอบด้วยอุณหภูมิประมาณ 230 องศาเซลเซียส จนสุกทั่วกันก็ได้</li>
<li><b>ทำให้ปลาดุกฟูและไม่อมนำ้มัน</b>: ปลาดุกที่ย่างสุกแล้ว เอามาแร่เอาแต่เนื้อหัวและหางเก็บไว้จัดจานให้สวยงาม แร่เนื้อมาสับให้ละเอียดแล้วก็นำมาตำอีกทีเพื่อให้มันฟู เมื่อตำแล้วก่อนจะทอดปลาที่ตำแล้ว ควรผึ่งปลาให้แห้งก่อนสักนิด เพราะถ้าไม่ผึ่งเนื้อปลาที่ทอดออกมาจะอมน้ำมันมากแล้วก็ไม่ฟู </li>
<li><b>น้ำมันที่ใช้ทอดต้องเยอะและร้อนจัดบนไฟกลาง</b> แล้วจึงใส่เนื้อปลา (หรือเนื้อปลาดุกผสมเกล็ดขนมปัง) ลงทอด ทอดให้ฟูเหลืองทั้งสองด้าน ตักขึ้นพักบนกระดาษซับน้ำมัน</li>
<li><b>ถ้าทำขาย</b> ก็ต้องลองดูว่าจะผสมเกร็ดขนมปังมากน้อยแค่ไหนถึงจะอร่อย คุ้มทุน และลูกค้าติดใจ เช่น ปลาดุกหนึ่งตัวสามารถทอดได้ 3 ครั้ง แบ่งดังนี้ เนื้อปลาที่ตำประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ กับเกร็ดขนมปัง 5 ช้อนโต๊ะ คลุกให้เข้ากัน หยอดน้ำมันพืชลงไปในถ้วยที่มีปลาดุกกับเกร็ดขนมปังนิดหน่อย เพื่อให้มันติดกันและฟูมากขึ้น</li>
<li><b>น้ำจิ้มหรือน้ำราดที่กินกับปลาดุกฟู</b> ก็คือยำมะม่วงนั้นเอง หรือแล้วแต่ละคนจะไปดัดแปลง วิธีทำยำมะม่วงก็คือ มะม่วงสับหยาบหรือละเอียดแล้วแต่ชอบ พริกขี้หนูซอยละเอียด หอมแดงซอย น้ำปลา น้ำเชื่อม กุ้งแห้ง และโรยหน้าด้วยถั่วลิสง</li>
<li><b>มะม่วงที่นำมาใช้ </b>ถ้าเป็นมะม่วงน้ำดอกไม้ รสเปรี้ยวมาก...ให้ลดมะนาวลง</li>
</ul>
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-40027841876630198372016-09-14T02:50:00.000-07:002016-09-23T13:00:22.374-07:00สูตรก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ และวิธีทำก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ให้อร่อยสูตรอาหารและวิธีทำ“<b><span style="color: #990000;">ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่</span></b>” รสชาติอร่อยเด็ด ไม่แพ้สูตรก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่เยาวราช เส้นก๋วยเตี๋ยวผัดกับไก่และปลาหมึก คลุกเคล้ากับเครื่องปรุงอย่างลงตัว ทำให้ได้ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมและความกรอบนอกนุ่มใน อีกทั้งยังสามารถปรุงรสเพิ่มความแซ่บได้ตามใจชอบ ถือเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารประเภทเส้นที่อร่อยและเป็นที่ชื่นชอบของหลายคน สำหรับสูตรที่ <b>zabwer.com</b> นำมาแนะนำนี้รับประกันว่า อร่อยเด็ดแน่นอน<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiAUIe4PF9P3ZxHi6fICmhPHXVikt4rW8AVx0sEcnR26GGsbd1tVez2VDBO2KYA8CDotXniaOFLyhKkZA5Fd01DniS6aa5UGIx01CdUwOPZVrdMFQOYQAlQ4mt2M42HM9-iN3h0DpDtozIE/s1600/%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25B1%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A7%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2588_zabwer.png"><img border="0" height="398" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiAUIe4PF9P3ZxHi6fICmhPHXVikt4rW8AVx0sEcnR26GGsbd1tVez2VDBO2KYA8CDotXniaOFLyhKkZA5Fd01DniS6aa5UGIx01CdUwOPZVrdMFQOYQAlQ4mt2M42HM9-iN3h0DpDtozIE/s400/%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25B1%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A7%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2588_zabwer.png" width="400" /></a></div>
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม</span></b><br />
<ol>
<li>เนื้ออกไก่ 250-300 กรัม หั่นเป็นชิ้นขนาดพอดีคำ</li>
<li>น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา</li>
<li>ไข่ขาว 1/2 ฟอง</li>
<li>พริกไทยป่น 2 ช้อนชา</li>
<li>น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย</li>
<li>ปลาหมึกแช่ หั่นชิ้น 12 ชิ้น</li>
<li>ไข่ไก่ 2 ฟอง</li>
<li>ก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ 500 กรัม</li>
<li>ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำมันหอย 2 1/2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำมันหมู 2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>ตั้งฉ่าย 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>ต้นหอม หั่นท่อน 1 ถ้วย</li>
<li>ผักกาดหอม 4 ใบ</li>
<li>มะนาวครึ่งลูก (ผ่าซีก) </li>
</ol>
<b>เครื่องกินแนม </b>คือ ปาท่องโก๋ตัวเล็ก<br />
<b>เครื่องปรุงรส</b> คือ พริกชี้ฟ้าสีเหลืองหั่นแว่นดองน้ำส้มสายชู<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำ</span></b><br />
<ol>
<li>คลี่เส้นก๋วยเตี๋ยวในชามผสม เพื่อไม่ให้เส้นติดกันเป็นแผ่นหนา ใส่ชามผสมเตรียมไว้</li>
<li>หมักไก่ โดยนำอกไก่มาหั่นเป็นชิ้นพอคำ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลทราย ไข่ขาว พริกไทยป่น และน้ำเปล่า คลุกเคล้าให้เข้ากันกับเนื้อไก่ หมักไว้ 20-30 นาที</li>
<li>ตั้งกระทะไฟปานกลาง ใส่น้ำมันหมูจนร้อน ใส่เนื้อไก่ที่หมักและตั้งฉ่าย ตามด้วยปลาหมึกแช่ เร่งเป็นไฟแรง ผัดให้เข้ากันพอสุก แล้วจึงใส่เส้นก๋วยเตี๋ยวผัดให้ทั่วและมีกลิ่นหอม ปรุงรสด้วยซีอิ้วขาวและน้ำมันหอย ผัดให้ทั่ว แล้วกันเส้นไว้ด้านหนึ่งของกระทะ ใส่น้ำมันหมูเล็กน้อย พอน้ำมันร้อนต่อยไข่ใส่ ผัดพอไข่ใกล้สุก จึงตลบเส้นที่พักไว้มาทับไข่ ขยี้เส้นกับไข่ให้เข้ากันด้วยการผัดเร็วๆ จะทำให้เส้นกับไข่สุกเหลืองเข้ากันพอดี พอเครื่องกับเส้นใกล้ๆ จะสุกลดไฟลง ผัดจนแห้งและมีกลิ่นหอม </li>
<li>ลองชิมรสให้รสชาติเค็มนำ ตามด้วยหวานเล็กน้อย ปิดไฟ </li>
<li>จัดเสริฟ์โดยนำผักกาดหอมมารองจาน ตักก๋วยเตี๋ยวไก่วางบนผัก โรยด้วยพริกไทยป่น ต้นหอม มะนาวหั่นซีก เสริฟคู่กับซอสพริก </li>
</ol>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhToZEEYVsEw2OF9zZW3lmBwJ_r4m4NsUvVVWPBFJsD2fNEoDxKcQQ7DOKqT5Cee-Ipq_cdd3KC_qmeuwmyGgon2ZxeGf8-FD0o5zPrY8DM59A-To_BBKXfMXMNvkcPUljDWnumlrPr4poi/s1600/%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25B1%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A7%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%258A.png"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhToZEEYVsEw2OF9zZW3lmBwJ_r4m4NsUvVVWPBFJsD2fNEoDxKcQQ7DOKqT5Cee-Ipq_cdd3KC_qmeuwmyGgon2ZxeGf8-FD0o5zPrY8DM59A-To_BBKXfMXMNvkcPUljDWnumlrPr4poi/s400/%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%25B1%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A7%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%258A.png" width="398" /></a></div>
<div>
<br />
<b><span style="color: blue;">เคล็ดลับความอร่อย</span></b><br />
<ul>
<li><b>การผัดก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ มีเคล็ดลับ</b>อยู่ว่า…ไฟต้องแรง น้ำมันน้อย ผัดให้เร็ว เวลาผัดใช้ไฟแรง ใส่ไก่กับตั้งฉ่ายลงไปคั่ว พอใกล้จะสุกได้ที่ใส่เส้นก๋วยเตี๋ยว ปรุงรส แล้วตอกไข่ใส่เส้น ขยี้เส้นกับไข่ให้เข้ากันด้วยการผัดเร็วๆ จะทำให้เส้นกับไข่สุกเหลืองเข้ากันพอดี พอเครื่องกับเส้นใกล้ๆ จะสุกลดไฟลง เพื่อให้ได้กลิ่นไฟกลิ่นกระทะ ซึ่งจะหอมต่างจากการผัดก๋วยอย่างอื่น แล้วจึงตักใส่ชามที่รองด้วยผัดกาดหอม อันเป็นเอกลักษณ์ของก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่</li>
<li><b>หากใช้กระทะทองเหลือง หรือกะทะเหล็ก</b> จะทำให้อาหารร้อนเร็วขึ้น ต้องผัดไม่ให้เส้นแฉะ และใช้ไฟแรงขึ้น</li>
<li><b>น้ำมันหมู</b>จะทำให้ก๋วยเตี๋ยวหอม หรือจะใช้น้ำมันกระเทียมเจียวแทนก็ได้</li>
<li>เพิ่มกลิ่นหอมและความกลมกล่อมได้โดยการเจียวกระเทียมสับในขั้นตอนที่ 2 ก่อนใส่ไก่ลงไปผัด</li>
</ul>
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-32567281014377584612016-09-14T02:31:00.000-07:002016-09-22T07:10:04.531-07:00สูตรไข่เจียวลาบ เมนูอาหารทำง่ายๆ อร่อยแซ่บ<br />
<b>สูตรไข่เจียวลาบ</b> - เมนูไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ต้ม ล้วนเป็นเมนูยอดฮิตของคนไทย สามารถทำได้ง่ายๆ ทำทานได้ทุกวัน แถมประหยัดตังค์ในกระเป๋าอีกด้วย เมนูไข่เจียวนั้นสามารถใส่เครื่องปรุงหรือส่วนผสมได้มากมายตามใจชอบ ทานได้ไม่เบื่อ วันนี้ครัวแซ่บเวอร์ขอนำเสนอสูตรไข่เจียวลาบเป็นเมนูอาหารที่ทำง่ายๆ แต่รับรองว่าอร่อยแซ่บ สำหรับสูตรไข่เจียวลาบนั้นจะได้รสชาติและกลิ่นอายของลาบ โดยเฉพาะได้กลิ่นหอมของข้าวคั่วที่เปลี่ยนเมนูไข่เจียวแสนธรรมดาให้อร่อยขึ้นได้อีกเยอะ ที่มีวิธีทำง่ายๆตามนี้เลย….<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiBjgU6UTJh8_8YT5Uxdcm4rUQqMbmTwrq6BJHURtcv1bkhKgWFM9QdNsPCrhdAEpALCPhyphenhyphenVWjxs639CB7nLRf9y24_LZgV04sFn7VkL_m1ULWXD6apSZjq_gd2At6dL-AkC5c0Uc4rWOSl/s1600/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259A+%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2587%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2586+%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%258B%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259A.jpg"><img border="0" height="350" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiBjgU6UTJh8_8YT5Uxdcm4rUQqMbmTwrq6BJHURtcv1bkhKgWFM9QdNsPCrhdAEpALCPhyphenhyphenVWjxs639CB7nLRf9y24_LZgV04sFn7VkL_m1ULWXD6apSZjq_gd2At6dL-AkC5c0Uc4rWOSl/s400/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259A+%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2587%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2586+%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%258B%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259A.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม </span></b>(สำหรับ 1-2 ที่) <br />
<ol>
<li>ไข่ไก่ 3 ฟอง</li>
<li>พริกขี้หนูป่น 2-3 ช้อนชา</li>
<li>ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำมันพืช ½ ถ้วย</li>
<li>หอมเล็กซอย 2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>ต้นหอมและผักชีซอยรวมกัน 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>ผักชีฝรั่ง ซอยสำหรับตกแต่ง</li>
</ol>
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำ</span></b><br />
<ol>
<li>ตอกไข่ใส่ชาม ปรุงรสด้วยน้ำปลา มะนาว พริกป่น ตามด้วยหอมเล็ก ต้นหอมและผักชีซอยลงไป ใช้ส้อมตีให้เข้ากัน …ก่อนทอดใส่ข้าวคั่วคนให้เข้ากัน</li>
<li>ตั้งกระทะใส่น้ำมันบนไฟกลางพอร้อน ใส่ไข่ที่ตีแล้วลงไปทอดให้สุกเหลืองทั้งสองด้าน ปิดไฟ ตักพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน</li>
<li>ตักไข่เจียวใส่จาน โรยข้าวคั่วและพริกป่นสักหน่อยเพื่อความหอม ตกแต่งด้วยด้วยผักชีฝรั่งหรือผักตามชอบ ก็เป็นว่าพร้อมเสิร์ฟ^^</li>
</ol>
<b><span style="color: blue;">เคล็ดลับความอร่อย วิธีทอดไข่เจียวลาบให้ฟูกรอบอร่อย</span></b><br />
<ul>
<li><b>วิธีทอดไข่เจียวให้ฟูและกรอบ</b> คือ ตอนที่จะนำไข่ที่ตีแล้วลงไปทอดในกระทะให้นำตะแกรงหรือกระชอนตาห่างๆ มารอง แล้วค่อยๆ ใส่ไข่ลงไป จับตะเเกรงขึ้นๆ ลงๆ ก็จะทำให้ไข่กระจายไม่เกาะตัวเหมือนเนื้อไข่เจียวปกติ แต่ไข่เจียวที่ได้เนื้อจะกรอบอร่อย ขึ้นฟู และน่ารับประทาน ทอดให้สุกเหลืองทั้งสองด้าน ปิดไฟ ตักพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน</li>
<li><b>ข้าวคั่ว </b>ถือเป็นเมนูสำคัญของอาหารเมนูลาบ ความหอมของข้าวนั้นจะช่วยชูรสอาหารอย่างมาก ดังนั้นถ้าได้ข้าวคั่วที่หอม กรอบ อร่อยมาทำ ย่อมทำให้อาหารเมนูลาบต่างๆอร่อยยิ่งขึ้นแน่นอน</li>
</ul>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-61130959690215662672016-09-09T08:39:00.000-07:002016-09-09T08:51:23.147-07:00ไข่พะโล้สูตรโบราณ รสเด็ด ทำกินก็ได้ทำขายก็ขายดีเมนูอาหาร<b><span style="color: #b45f06;">ไข่พะโล้</span></b> เป็นอีกหนึ่งเมนูที่คนไทยนิยมทานกันมาก ชนิดที่ว่าร้านข้าวแกงแทบทุกร้านต้องมีเมนูไข่พะโล้ไว้ขาย การทำพะโล้ให้อร่อยนั้นไม่ใช่เรื่องยากหากรู้วิธีและเคล็ดลับ สำหรับการทำไข่พะโล้แบบสูตรโบราณนั้นจะให้ความหอมอร่อยเข้มข้นถึงเครื่องมากกว่าการใช้ผงพะโล้สำเร็จรูป ทานแล้วจะรู้สึกชัดเจนเลยว่าน้ำแกงจะเข้ากันดีกับเนื้อและไข่ สำหรับสูตรที่ครัวแซ่บเวอร์ดอทคอมนำมาแนะนำในวันนี้รับรองว่าอร่อยเด็ดชนิดที่สามารถทำขายได้เลยทีเดียว<br />
<div>
<br />
<b><span style="background-color: white; color: #990000; font-size: large;">ไข่พะโล้สูตรโบราณ สูตรที่ 1</span></b><br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhadozlTe_8jfc2m4i4NHKgsMS5U5d1E2QfNZX7Mq7amKEgZSp4RwJ6lBAw9-W-6-PuCnO_fb7ysmDKRRl69acQR0Fl6HJP8xQuIQRMPEYNESj7k6DSxmDuaBhkgnU7S49d7V0J9IxmfzQM/s1600/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2593+%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594+%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2587%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2586+zabwer.jpg"><img border="0" height="320" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhadozlTe_8jfc2m4i4NHKgsMS5U5d1E2QfNZX7Mq7amKEgZSp4RwJ6lBAw9-W-6-PuCnO_fb7ysmDKRRl69acQR0Fl6HJP8xQuIQRMPEYNESj7k6DSxmDuaBhkgnU7S49d7V0J9IxmfzQM/s400/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2593+%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594+%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2587%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2586+zabwer.jpg" width="400" /></a></div>
<div>
<br /></div>
<span style="color: #990000;"><b>ส่วนผสม</b></span><br />
<ol>
<li>หมูสามชั้น หรือสันคอติดมัน</li>
<li>ไข่ไก่ต้ม/ ไข่เป็ดต้ม ปอกเปลือก 5 ฟอง</li>
<li>ข่าหั่นเป็นแว่นประมาณ 20แว่น</li>
<li>กระเทียมตำละเอียด 1กำมือ </li>
<li>รากผักชี โขลกละเอียด </li>
<li>พริกไทเม็ดตำละเอียด ประมาณ 1ช้อนชา</li>
<li>ซีอิ๊วดำ 2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>เกลือ</li>
<li>น้ำตาลทรายแดง</li>
<li>ผักชี</li>
<li>น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง</li>
</ol>
<span style="color: #990000;"><b>วิธีทำ</b></span><br />
<ol>
<li>นำทุกอย่างลงหม้อ แล้วจึงใส่น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง ใส่ซีอิ๊วดำลงไปประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ เคี่ยวพอเดือด และมีกลิ่นหอม </li>
<li>แล้วใส่หมูสามชั้นลงไป ถ้าน้ำไม่ท่วมหมู เติมน้ำเพิ่มได้</li>
<li>เมื่อต้มจนหมูสุกแล้ว ก็เติมน้ำลงไปอีก ปรุงรสด้วยใส่เกลือ หรืออาจใส่ผงปรุงรส (รสดี) ลงไปด้วยก็ได้ และใส่น้ำตาลทรายแดงลงไป ชิมรสให้รสออกหวานนำ </li>
<li>พอเดือดก็ใส่ไข่ต้มลงไป และต้องให้น้ำท่วมไข่ด้วย</li>
<li>เคี่ยวต่อไป จนกระทั่งหมูเปื่อย จึงใส่ผักชีลงไป ปิดไฟ ตักใส่ชามพร้อมเสิร์ฟ</li>
</ol>
<span style="background-color: white;"><b><span style="color: blue;">แนะนำเพิ่มเติม</span></b></span><br />
<ul>
<li>ถ้าอยากให้ไข่มีสีน้ำตาลเข้ม ในขั้นตอนที่ 1 คือเคี่ยวน้ำ ให้ใส่ซีอิ๊วดำลงไปก่อนเลย</li>
</ul>
<b><span style="background-color: white; color: #990000; font-size: large;">ไข่พะโล้สูตรโบราณ สูตรที่ 2</span></b><span style="background-color: #999999;"><br /></span>สำหรับสูตรนี้แนะนำไว้โดยคุณหมูแดงโพสไว้ที่ครัวไกลบ้านดอทคอม (http://www.kruaklaibaan.com/viewtopic.php?t=41985&s=a31ffb01028ffcbd566795387d596357&showtopic=41985) <br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiVZ2HNWo68cdxuA7PV3uZEwIoCb3IxVUzgIT6OZYrRVJ1InOm6Dmgmb686g-pNJS2isDLvTqgTemWH5Q4b7zx1WTcwAA4G3ECTHzLRAPxIcrEsetdVhlitmKtBSX3LX2pvz69Dg6ADtQm_/s1600/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2593+%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594.jpg"><img border="0" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiVZ2HNWo68cdxuA7PV3uZEwIoCb3IxVUzgIT6OZYrRVJ1InOm6Dmgmb686g-pNJS2isDLvTqgTemWH5Q4b7zx1WTcwAA4G3ECTHzLRAPxIcrEsetdVhlitmKtBSX3LX2pvz69Dg6ADtQm_/s400/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2593+%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594.jpg" width="400" /></a></div>
<div>
<br />
<b><span style="color: #990000;">เครื่องปรุง</span></b><br />
<ol>
<li>ไข่เป็ด หรือไข่ไก่ 12 ฟอง</li>
<li>หมูสามชั้น หรือสันคอติดมัน (หั่นเป็นชิ้นพอคำ หรือชิ้นใหญ่ตามชอบ) 500 กรัม</li>
<li>เต้าหู้ขาว (แผ่น 4 เหลี่ยมจตุรัส) 1 แผ่น </li>
<li>สามเกลอ 1 ช้อนโต๊ะ (กระเทียมไทยเม็ดเล็ก 10-15 กลีบ + พริกไทย 1 ช้อนชา รากผักชี 7-8 ราก ตำละเอียด)</li>
<li>อบเชย 2 ก้าน</li>
<li>โป๊ยกั๊ก 8-10 ดอก</li>
<li>น้ำตาลปี๊บ 2 ทัพพี</li>
<li>เกลือ, ซีอิ๊วขาว</li>
<li>น้ำมันพืช สำหรับผัดเครื่องเทศ 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำเปล่า 1.5 -2 ลิตร </li>
</ol>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjnya_xjJ5Taks_7rAhBQQoxMSrhrpRF-DYGo0pp2JwSrsiy4YYC4TvWtLeGZTzTr0kPvFo0F4BL4nZVIxwhojnRuJa_XtFmCqywpJhGwtvGMhppt85yRFr4W_juJTMztB2CqtPRdY-zxoR/s1600/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25931.jpg"></a><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjnya_xjJ5Taks_7rAhBQQoxMSrhrpRF-DYGo0pp2JwSrsiy4YYC4TvWtLeGZTzTr0kPvFo0F4BL4nZVIxwhojnRuJa_XtFmCqywpJhGwtvGMhppt85yRFr4W_juJTMztB2CqtPRdY-zxoR/s1600/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25931.jpg"><img border="0" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjnya_xjJ5Taks_7rAhBQQoxMSrhrpRF-DYGo0pp2JwSrsiy4YYC4TvWtLeGZTzTr0kPvFo0F4BL4nZVIxwhojnRuJa_XtFmCqywpJhGwtvGMhppt85yRFr4W_juJTMztB2CqtPRdY-zxoR/s400/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25931.jpg" width="400" /></a></div>
</div>
<div>
<br />
<span style="color: #990000;"><b>วิธีทำ</b></span><br />
1. เตรียมส่วนผสมไว้ให้พร้อม<br />
<ul>
<li>ต้มไข่ให้สุก โดยตอนต้มใส่เกลือลงไปเล็กน้อย ที่ไฟแรงประมาณ 10 นาทีหรือจนไข่สุก นำไปแช่น้ำเย็นทันที แล้วแกะเปลือกออก พักไว้</li>
<li>ล้างหมูสามชั้นให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นหนาขนาดพอดีคำ หรือชิ้นใหญ่ตามต้องการ</li>
<li>นำเต้าหู้มาหั่นชิ้นพอดีคำ แล้วทอดให้เหลืองกรอบ พักไว้</li>
</ul>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQI1Du34M12W8jBjJj2fe_9qr0JLJy6anyJuYi_FNzxrydeOIo6j9xr4_9ii1L-Oom_bxOIYIegQ2p0UqyyTHlDsNusG2V9-mu9OB7h8uzgOfGKqhCOcZdhIeBhU0Foyv4HinzWLn03TiZ/s1600/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2593.jpg"><img border="0" height="150" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiQI1Du34M12W8jBjJj2fe_9qr0JLJy6anyJuYi_FNzxrydeOIo6j9xr4_9ii1L-Oom_bxOIYIegQ2p0UqyyTHlDsNusG2V9-mu9OB7h8uzgOfGKqhCOcZdhIeBhU0Foyv4HinzWLn03TiZ/s400/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2593.jpg" width="400" /></a></div>
<ul>
<li>ดอกจันทน์ (โป๊ยกั๊ก) กับอบเชยที่เตรียมไว้ นำมาห่อผ้าแล้วมัดให้แน่น หรือใช้เป็นถุงชาก็สะดวกดี เวลาต้มจะได้ไม่ลอยหน้า</li>
<li>น้ำตาลปี๊บควรใส่ถ้วยเตรียมไว้ ถ้าใช้เป็นน้ำตาลปี๊บหรือน้ำตาลปึกที่มันแข็งมากๆ ควรนำออกมาทุบให้แตกสักหน่อยก่อน ไม่อย่างนั้นจะลำบากตอนผัดเครื่อง</li>
</ul>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhNmR24xx-unCQPDKLttW7fqI_r_HZHWjvCHZ4-OYdjudPBNBDv9CZ7EOvv6hNqvFlvYfOdRTn5RXrxJ-xJhaP0UYi1yTGmr0hyzTm-ZqNqaTOX9Umsl2gtxbkb0vpyCTww0DoM2xTODmon/s1600/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25932.jpg"><img border="0" height="100" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhNmR24xx-unCQPDKLttW7fqI_r_HZHWjvCHZ4-OYdjudPBNBDv9CZ7EOvv6hNqvFlvYfOdRTn5RXrxJ-xJhaP0UYi1yTGmr0hyzTm-ZqNqaTOX9Umsl2gtxbkb0vpyCTww0DoM2xTODmon/s400/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25932.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
2. นำเครื่องเทศมาโขลกให้ละเอียด เริ่มจากใส่พริกไทยขาวเม็ด 1 ช้อนชาลงไปในครกโขลกให้เป็นผงละเอียดยิบเลย แล้วจึงค่อยใส่รากผักชี กระเทียมกลีบ และเกลือนิดหน่อย ลงไปโขลกรวมกันให้ละเอียดยิบ (เพราะถ้าตำหยาบๆ เวลาทำไข่พะโล้แล้วเครื่องตำมันจะแล่นใบลอยหน้าหม้อพะโล้ไม่สวย) ตักขึ้นใช้ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ<br />
3. ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลาง ใส่น้ำมันพืช นำสามเกลอลงไปผัดให้หอม (ยิ่งใส่รากผักชีเยอะๆ จะยิ่งหอมชวนกิน) หมั่นคนและระวังอย่าใช้ไฟแรงเกินไป เพราะมันจะไหม้ทำให้กลิ่นเพี้ยนไป</div>
<div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiKAtWDlmQgH3leASxeYxczQoAUhdGoNLyhXNp9rWHwGTZgJaiQdVot3cY8iLo9zxA6iTvI75y9RxJ4aWke0PkBO2LusFkZVo97l2m2PhJi2Wi1cA968Qan9GczLAKK1BYdUjMJeepxLMM1/s1600/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25933.jpg"><img border="0" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiKAtWDlmQgH3leASxeYxczQoAUhdGoNLyhXNp9rWHwGTZgJaiQdVot3cY8iLo9zxA6iTvI75y9RxJ4aWke0PkBO2LusFkZVo97l2m2PhJi2Wi1cA968Qan9GczLAKK1BYdUjMJeepxLMM1/s400/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25933.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
4. ใส่น้ำตาลปิ๊บลงไปผัดให้เป็นสีน้ำตาลเข้มด้วยไฟปานกลาง (ต้องผัดเรื่อยๆ ห้ามหยุดมือเด็ดขาด ไม่งั้นน้ำตาลจะไหม้) ผัดจนได้สีน้ำตาลเข้มจัดอย่างที่ต้องการแบบนี้</div>
<div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEijmWG8wwb_EbClT3RjEJsvU7QaKAkENoED95a05t4lznMM90gkQlM5NFdsHHgWcIvWxirk7qfxEOjvtZkjCoHqZf_ogf6Qz3XEj3Rrrq-CN8SaC1-kPmv2OWkob61QN4AjxqjsIkZ3YtYO/s1600/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25934.jpg"><img border="0" height="150" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEijmWG8wwb_EbClT3RjEJsvU7QaKAkENoED95a05t4lznMM90gkQlM5NFdsHHgWcIvWxirk7qfxEOjvtZkjCoHqZf_ogf6Qz3XEj3Rrrq-CN8SaC1-kPmv2OWkob61QN4AjxqjsIkZ3YtYO/s400/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25934.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
5. จากนั้นใส่หมูสามชั้นลงไป ผัดเร็วๆให้เข้ากัน ไม่ผัดหมูนานนะ แค่พอให้น้ำตาลเคลือบ แล้วใส่ไข่ต้มตามลงไป ผัดให้เข้ากันให้น้ำตาลเคลือบไข่ (อาจจะเคลือบไม่ทั่วเพราะน้ำตาลเป็นก้อนซะก่อนก็ไม่เป็นไร)<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgeyFOwkD_9-YTxxoJUamMhwCaGo-WVrLzCYzOhsSm6QQBlRS49NfkYHCmaUhUqDUZE0G69cZhWP134ViV2saah9x_WHDQAD2i-b5wA_lutkxw4fPKIfqvURYrnRg3hyphenhyphenocjaPCCYLKcrUSE/s1600/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25935.jpg"><img border="0" height="240" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgeyFOwkD_9-YTxxoJUamMhwCaGo-WVrLzCYzOhsSm6QQBlRS49NfkYHCmaUhUqDUZE0G69cZhWP134ViV2saah9x_WHDQAD2i-b5wA_lutkxw4fPKIfqvURYrnRg3hyphenhyphenocjaPCCYLKcrUSE/s320/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25935.jpg" width="320" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
6. จากนั้นเติมน้ำเปล่าลงไปกะให้ท่วมมากหน่อย เพราะเวลาเราเคี่ยวมันจะแห้งลงอีก <br />
7. ใส่เต้าหู้หั่นชิ้นลงไป (จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ตามชอบเลย)<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiI2RPx65MBL2pjKyjBb-TqhAYBN2dAfjwc9FMIJEfZY2eWDJ6Zfy4VTUMz-tKSg4OiQtGHwV1HvlMlIDEm5zqTLTmZJ7Y41IyJxcWLiF12BX0mcyDfqKvvW5RV0xaY-Pyf98c596-Xu8U7/s1600/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2593.jpg"><img border="0" height="150" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiI2RPx65MBL2pjKyjBb-TqhAYBN2dAfjwc9FMIJEfZY2eWDJ6Zfy4VTUMz-tKSg4OiQtGHwV1HvlMlIDEm5zqTLTmZJ7Y41IyJxcWLiF12BX0mcyDfqKvvW5RV0xaY-Pyf98c596-Xu8U7/s400/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2593.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
8. เอาห่ออบเชยใส่ลงไปกดให้จมลงหน่อย เปิดไฟแรง …รอให้หม้อพะโล้เดือด (ใช้เวลาไม่นาน จะปิดฝาหรือไม่ปิดผาก็ได้)</div>
<div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhjnIBnRAVZ-E39gSW8plFXzwlRmVYI6TEFCfDcNh2oCS2XcCHpkM_xoN1B4Xnn8-K5-tG_b-Zeh8eYi7lY0cpY0dTmnK0jS1jJW_QguIoYvJUeuycO-XZ7YEM-haTuRKV72ryQc25VFq6q/s1600/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25937.jpg"><img border="0" height="150" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhjnIBnRAVZ-E39gSW8plFXzwlRmVYI6TEFCfDcNh2oCS2XcCHpkM_xoN1B4Xnn8-K5-tG_b-Zeh8eYi7lY0cpY0dTmnK0jS1jJW_QguIoYvJUeuycO-XZ7YEM-haTuRKV72ryQc25VFq6q/s400/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25937.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
9. ปรุงรสตามชอบ หรือชิมรสให้ออกหวานนำ เค็มตาม…สูตรเดิมของแม่จะปรุงรสด้วยเกลืออย่างเดียว แต่หมูแดงชอบกลิ่นของซีอิ๊วขาวก็เลยปรับสูตรของแม่นิดหน่อย โดยใช้ซีอิ๊วขาวตราเด็กสมบูรณ์มาเป็นตัวชูรสด้วยใส่ลงไป 2 ทัพพี (ควรใส่ไปทีละน้อยๆ รสอ่อนไปยังเติมได้อีก แต่ถ้าใส่ไปเยอะๆ คราวเดียวจะแก้ไม่ได้) ตามด้วยใส่เกลือลงไป 1 ช้อนชา พอชิมรสได้ที่แล้วก็ปิดฝาหม้อ<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh48JxWWm-X7mPIWArItSBr302y0A8ySEwsZpDDjEq7qHvv1IoRcaRN_POT2sPZNpiURMycGVfOTsqOMSzlTDSDLrGwbKzXZnxxhJhEoHRcFc2Hodpj1jmH94G3lTd9K53wv4brGtumE3a1/s1600/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2593+%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594.jpg"><img border="0" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh48JxWWm-X7mPIWArItSBr302y0A8ySEwsZpDDjEq7qHvv1IoRcaRN_POT2sPZNpiURMycGVfOTsqOMSzlTDSDLrGwbKzXZnxxhJhEoHRcFc2Hodpj1jmH94G3lTd9K53wv4brGtumE3a1/s400/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2593+%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
10. จากนั้นลดไฟลงเหลือแค่ไฟอ่อน เคี่ยวไปประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ …ก็จะได้ไข่พะโล้สุก รสอร่อยเข้มข้น หมูเปื่อยพอดีๆแล้ว ใส่ผักชีก่อนเสิร์ฟไข่พะโล้กับข้าวสวยร้อนๆ<br />
• ตรงนี้มีเทคนิคมาแนะนำ: สำหรับคนที่ชอบกินไข่พะโล้ค้างคืน แบบไข่ขาวเนื้อเด้งๆ ก็ไม่ต้องเคี่ยวนาน แต่เราจะเอาพะโล้ตั้งไฟแรงๆ ประมาณ 15 นาทีแล้วปิดไฟ ปิดฝาหม้อ อบไข่พะโล้ทิ้งไว้อย่างนั้นเลย แล้ววันรุ่งขึ้นเอามาอุ่นอีกที ถ้าหมูยังไม่เปื่อยมากนัก เราก็เคี่ยวต่ออีกหน่อย ก็จะได้ไข่พะโล้ที่เนื้อไข่ขาวเด้งๆอย่างต้องการ <br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhZuQ7wiPC7dH1-EFG8EcgSO_UU1uoWoRlwIzC_f_yHAVUeTwx6J4QOFDHqxmFr5De9rhWwH8FLIX2V_OTC96XbI1rtM4u1sDo2uEnxSxPOlGqEYrXic8k1-l2E_W14Ij9ShOGHZnBSzeCs/s1600/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2593.jpg"><img border="0" height="240" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhZuQ7wiPC7dH1-EFG8EcgSO_UU1uoWoRlwIzC_f_yHAVUeTwx6J4QOFDHqxmFr5De9rhWwH8FLIX2V_OTC96XbI1rtM4u1sDo2uEnxSxPOlGqEYrXic8k1-l2E_W14Ij9ShOGHZnBSzeCs/s320/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2593.jpg" width="320" /></a></div>
</div>
<div>
<br />
พะโล้ขาหมู คุณหมูแดงเอาขาหมูมาเลาะกระดูกออก หั่นเป็นชิ้นโตหน่อย ต้มน้ำทิ้ง 1 ครั้ง แต่ไม่ต้องเคี่ยว แค่ต้มให้เดือดแล้วเทน้ำทิ้ง ล้างให้สะอาด แล้วเอามาทำพะโล้<br />
<br />
<b><span style="color: blue;">เคล็ดลับเพิ่มเติมวิธีทำไข่พะโล้ให้อร่อย</span></b><br />
<ul>
<li>วิธีทำไข่พะโล้สูตรโบราณ คืออยู่ที่การผัดเครื่องให้ถึง แล้วเคี่ยวน้ำตาลให้ได้สีสวยเคลือบหมูและไข่ ไข่พะโล้ที่ได้จึงหอมน้ำตาลเคี่ยว รสชาติออกหวานนำเค็มตาม ยิ่งเคี่ยวยิ่งอร่อย โดยเฉพาะเมื่อเราทิ้งไว้ข้ามคืนก็จะได้ไข่ขาวเนื้อแน่นๆ เด้งๆ อย่างที่ต้องการ</li>
<li>ไข่พะโล้ต้องตุ๋นต่ออย่างน้อย 45 นาที เพื่อให้เนื้อหมูนิ่ม น้ำพะโล้เข้มข้นและเข้าเนื้อไข่ ไม่เช่นนั้นจะได้ไข่พะโล้รสจืดเหมือนขาดอะไรไปซักอย่าง</li>
<li>หมูสามชั้น ควรเลือกหมูที่มีเนื้อมากกว่ามันหมู ไข่พะโล้จะได้ไม่เลี่ยนเกินไป หรือจะใช้เนื้อส่วนขาหมูก็ได้ถ้าชอบ ถ้าอยากใส่ไก่แนะนำให้ใช้ส่วนปีกไก่ เป็นปีกบนหรือปีกปลายก็ได้ เพราะตุ๋นนานๆ แล้วเนื้อนุ่ม อร่อย ส่วนอกไก่และสะโพกจะแห้งไม่อร่อย ถ้าไม่อยากใส่เนื้อสัตว์เลยจะใส่แต่เต้าหู้อย่างเดียวก็ได้</li>
<li>ถ้าใครไม่มีน้ำตาลปี๊บ ใช้น้ำตาลทรายแดง หรือน้ำตาลทรายขาวแทนก็ได้ แต่ถ้าหาน้ำตาลปี๊บได้ก็จะดี เพราะรสชาติหวานนุ่มนวลและกลิ่นหอมกว่าน้ำตาลทราย ส่วนน้ำตาลทรายขาวจะหวานแหลม</li>
<li>ไม่ควรใส่น้ำปลา เพราะจะทำให้มีกลิ่นคาว</li>
<li>การใส่เกลือนิดหน่อยลงไปในครกเวลาโขลกเครื่องเทศ เพื่อช่วยให้ตำได้ละเอียดเร็วขึ้น เพราะความคมของเม็ดเกลือจะช่วยให้ตำง่ายขึ้น</li>
</ul>
</div>
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-38392571083108094952016-09-06T08:15:00.000-07:002016-09-22T07:12:07.123-07:00ทอดมันกุ้ง 2 สูตรเด็ด อร่อยเลิศแถมทำง่าย<br />
เมนูอาหาร "<b><span style="color: #b45f06;">ทอดมันกุ้ง</span></b>" อีกหนึ่งเมนูอาหารทำง่ายๆ เมนูอาหารว่างทานเล่น ใช้เวลาไม่นาน ทำทานเป็นกับข้าวก็ได้หรือไว้ทานเล่นเป็นอาหารว่างก็เข้าที ทอดมันกุ้งกรอบนอกนุ่มในทานคู่กับน้ำจิ้มไก่รสเด็ด รับประกันความฟิน สำหรับวันนี้ครัว zabwer.com ขอนำเสนอ 2 สูตรทอดมันกุ้ง สูตรทำง่ายแต่อร่อยเลิศมาฝากครับ<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgLtS5y8epdLENpnqSMea4u_bRsqyENtwhVnYe0Ny9Yz-7aHIkqawMk07oaxYJh9Jh_-zo8Am9bdZvT3AiYnkDC0vLw_V4eCNb4sKNuW1Q7MOzlPbWiXwuLqtWntLJmVjIXmzALj41l4uIa/s1600/%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B8%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2587.png"><img border="0" height="295" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgLtS5y8epdLENpnqSMea4u_bRsqyENtwhVnYe0Ny9Yz-7aHIkqawMk07oaxYJh9Jh_-zo8Am9bdZvT3AiYnkDC0vLw_V4eCNb4sKNuW1Q7MOzlPbWiXwuLqtWntLJmVjIXmzALj41l4uIa/s400/%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B8%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2587.png" width="400" /></a></div>
<br />
<b style="background-color: #f9cb9c;">ทอดมันกุ้งสูตรที่ 1 อร่อยและทำง่ายเวอร์</b><br />
ทอดมันกุ้งสูตรนี้แนะนำไว้โดย<u>คุณ สมาชิกหมายเลข 715400 แห่งเว็ปไซต์พันทิปดอทคอม</u> เป็นอีกสูตรที่ทำง่ายแต่อร่อยแน่นอน ลองไปดูวิธีทำกันเลย <br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjvUkjR0lHybux-Q6xcY3i3MexIYVbvl14ds2h1tjKv1mIQCrFiUt1Uoy4nQ2Q1ahViN2xhdogSEcnLYQ5N7Pb5tnIExexwKp7_H0zzhycqv7TvnwqPHGiEU4iWy6vvFUzj7M5V8f-3DrZ6/s1600/%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B8%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2587+%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2587%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2586.jpg"><img border="0" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjvUkjR0lHybux-Q6xcY3i3MexIYVbvl14ds2h1tjKv1mIQCrFiUt1Uoy4nQ2Q1ahViN2xhdogSEcnLYQ5N7Pb5tnIExexwKp7_H0zzhycqv7TvnwqPHGiEU4iWy6vvFUzj7M5V8f-3DrZ6/s400/%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B8%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2587+%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2587%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2586.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม</span></b><br />
<ol>
<li>กุ้งสด ปอกเปลือก เอาเส้นดำออกให้หมด</li>
<li>กระเทียมปอกเปลือก</li>
<li>พริกไทย</li>
<li>ผงปรุงรส</li>
<li>น้ำตาล</li>
<li>แป้งโกกิ</li>
<li>ไข่ไก่</li>
<li>เกล็ดขนมปัง</li>
</ol>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgGqwtq7hlHkLlive85lIZidERhWfkziGP9SuzHACNubQ-CsvTgdY83bQVFLuLPXKxY-0857GK6QY1imZaODQBbVy2klYjWF0wF-ZQuiGHByaqcGNvVOZtw-U5iOfPxSj88iCf0DJ63Q7aw/s1600/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B8%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2587+%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594.jpg"><img border="0" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgGqwtq7hlHkLlive85lIZidERhWfkziGP9SuzHACNubQ-CsvTgdY83bQVFLuLPXKxY-0857GK6QY1imZaODQBbVy2klYjWF0wF-ZQuiGHByaqcGNvVOZtw-U5iOfPxSj88iCf0DJ63Q7aw/s400/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B8%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2587+%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำ</span></b><br />
<ol>
<li>นำกุ้งกับกระเทียมมาบดผสมรวมกัน</li>
<li>เสร็จแล้วใส่เครื่องปรุงทั้งหมด ยกเว้นเกล็ดขนมปัง แล้วผสมให้เข้ากัน พักไว้ในตู้เย็น 30 นาที</li>
<li>นำมาปั้นแล้วคลุกกับเกล็ดขนมปัง หากปั้นไม่ได้เนื่องจากยังเหลวให้ผสมแป้งโกกิเพิ่ม แต่อย่ามากไป ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นทอดมันแป้งโกกิ</li>
<li>ลงทอดด้วยกำลังไฟกลางๆ</li>
<li>เสร็จแล้ว เราก็จะได้ทอดมันกุ้งที่อร่อยที่สุด พร้อมรับประทานคู่กับเมนูอื่นๆก็เพิ่มรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้น</li>
</ol>
<b style="background-color: #f9cb9c;">ทอดมันกุ้งสูตรที่ 2</b><br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg-TqhxIPLrdg4Vb_eE17jwWB6qZPqP5F1grOACuHGKJ77ESIGZzTrfyVgNjiOgOA8U6bSdvUZWoG-ZTR6M6IZ-BEC915tMe5k0gcMxLlWAxJISd1MQegsTrANckJOJUTA3LIBcLWVBDk2N/s1600/%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B8%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2587+%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A7%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2587%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2586.jpg"><img border="0" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg-TqhxIPLrdg4Vb_eE17jwWB6qZPqP5F1grOACuHGKJ77ESIGZzTrfyVgNjiOgOA8U6bSdvUZWoG-ZTR6M6IZ-BEC915tMe5k0gcMxLlWAxJISd1MQegsTrANckJOJUTA3LIBcLWVBDk2N/s400/%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B8%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2587+%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25A7%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2587%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2586.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
<div>
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม</span> </b><br />
<ol>
<li>กุ้งสด ปอกเปลือก เอาเส้นดำออกให้หมด ผ่าหลัง 300 กรัม </li>
<li>แป้งมันสำปะหลัง สำหรับล้างกุ้ง ¼ ถ้วยตวง </li>
<li>มันหมูแข็งบดละเอียด 60-80 กรัม </li>
<li>พริกไทยป่น 1 ช้อนชา </li>
<li>กระเทียมกลีบเล็ก 1 ช้อนโต๊ะ </li>
<li>รากผักชี 2-3 ราก </li>
<li>ซีอิ๊วขาว ½ ช้อนชา </li>
<li>เกลือป่นละเอียด ¼ ช้อนชา </li>
<li>น้ำมันงา 1 ช้อนชา </li>
<li>แป้งสาลีอเนกประสงค์ ¼ ถ้วยตวง </li>
<li>ไข่ไก่ตีพอแตก 2 ฟอง </li>
<li>เกล็ดขนมปังป่นเล็กๆ 1 ถ้วยตวง </li>
<li>น้ำมันพืชสำหรับทอด </li>
<li>น้ำจิ้มไก่ หรือน้ำจิ้มบ๊วย </li>
</ol>
<span style="color: #990000;"><b>วิธีทำ</b> </span><br />
<ol>
<li>นำกุ้งที่เตรียมไว้ โรยแป้งมันสำปะหลังบนตัวกุ้งคลุกเคล้าให้เข้ากัน พักไว้ประมาณ 5 นาที ล้างให้สะอาดซับให้แห้ง นำเข้าตู้เย็นจนเย็นจัด </li>
<li>นำรากผักชี กระเทียม และพริกไทยป่น โขลกเข้ากันให้ละเอียด </li>
<li>ทุบกุ้งด้วยมีดปังตอพอแหลกผสมรวมกับมันหมูแข็ง ใส่ส่วนผสมที่โขลกไว้ ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว เกลือป่น และน้ำมันงา นวดจนส่วนผสมเหนียวและแห้ง </li>
<li>ชั่งส่วนผสมก้อนละประมาณ 50 กรัม ปั้นเป็นก้อนกลม กดให้แบนเล็กน้อย คลุกแป้งสาลี ชุบไข่ไก่ และคลุกเกล็ดขนมปังป่นให้ทั่ว </li>
<li>ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชพอร้อนได้ที่ ใส่ทอดมันกุ้งลงทอดจนสุกเหลืองกรอบ ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มบ๊วยหรือน้ำจิ้มไก่</li>
</ol>
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-23197232568010909412016-09-06T05:14:00.001-07:002016-09-22T07:13:04.820-07:00ขนมปังหน้าหมู สูตรกรอบอร่อยเหมือนร้านทำขาย<br />
เมนูอาหารทานเล่น เมนูอาหารว่าง วันนี้ขอนำเสนอ <b><span style="color: orange;">ขนมปังหน้าหมู</span></b> เป็นเมนูอาหารที่ทำง่ายๆ สามารถทำทานเอง ทำเป็นของฝากเพื่อนฝูง หรือแม้แต่ทำขายเลยก็ได้ สำหรับสูตรขนมปังหน้าหมูนี้มีส่วนประกอบไม่มาก ทำได้ง่าย พร้อมเคล็ดลับการทอดที่ไม่ทำให้ขนมปังอมน้ำมัน รับรองกรอบหอมอร่อยไม่เลี่ยนน้ำมันแน่นอน <br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgQAcdMHHcrV7qQzQwvkORDLHbeY1udWQxXJheOm9NY4jdiNxkWoMMBoi7hjkzL4GnSzJerH9AFzm0HrBPF_37idlq922hLZvpSNP-5EGWYZzo8Am4OT5msYb85873ABKnGUhewrGOYCYh-/s1600/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A2.jpg"><img border="0" height="265" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgQAcdMHHcrV7qQzQwvkORDLHbeY1udWQxXJheOm9NY4jdiNxkWoMMBoi7hjkzL4GnSzJerH9AFzm0HrBPF_37idlq922hLZvpSNP-5EGWYZzo8Am4OT5msYb85873ABKnGUhewrGOYCYh-/s400/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A2.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
<span style="color: #990000;"><b>ส่วนผสม</b></span><br />
<ol>
<li>ขนมปังแซนด์วิชตัดขอบ หั่นชิ้นและผึ่งให้แห้ง 10 แผ่น</li>
<li>เนื้อหมูสับ 200 กรัม</li>
<li>รากผักชี 2 ราก</li>
<li>กระเทียมไทยกลีบเล็ก 8 กลีบ</li>
<li>พริกไทยป่น ½ ช้อนชา</li>
<li>แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา</li>
<li>ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>ซอสปรุงรส ½ ช้อนชา</li>
<li>น้ำตาลทราย ½ ช้อนชา</li>
<li>ไข่ไก่ ตีพอแตก (สำหรับหมักหมู 1 ฟอง และชุบทอด 1 ฟอง)</li>
<li>พริกชี้ฟ้าสีแดงซอยเป็นเส้นบางและใบผักชี สำหรับตกแต่ง</li>
<li>น้ำมันพืชสำหรับทอด</li>
<li>รับประทานคู่กับน้ำอาจาด หรือน้ำจิ้มไก่ หรือซอสพริก หรือซอสมะเขือเทศ</li>
</ol>
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสมน้ำอาจาด</span></b><br />
<ol>
<li>น้ำส้มสายชุ ¼ ถ้วย</li>
<li>น้ำตาลทราย ¼ ถ้วย</li>
<li>เกลือสมุทร 1 ช้อนชา</li>
<li>แตงกวา 5 ผล</li>
<li>หอมแดง 5 หัว</li>
<li>พริกชี้ฟ้า 1 เม็ด</li>
</ol>
<b><span style="color: blue;">วิธีทำ</span></b><br />
<ol>
<li>ตัดขอบขนมปังออกทั้งสี่ด้าน หั่นแผ่นขนมปังเป็น 4 ส่วนเท่าๆ กัน เรียงใส่ถาด นำไปผึ่งลมหรือตากแดดเพื่อให้หน้าขนมปังแห้ง ประมาณ 2-3 ชั่วโมง</li>
<li>ทำน้ำอาจาด...โดยผสมน้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือ และน้ำเปล่า ¼ ถ้วยลงในหม้อใบย่อมๆ สักใบ คนพอเข้ากัน จากนั้นนำขึ้นตั้งไฟปานกลาง รอจนเดือด แล้วจึงปิดไฟนำออกจากความร้อน พักจนน้ำอาจาดเย็น …จึงใส่แตงกวาซอย หอมแดงซอย และพริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ</li>
<li>โขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทย ให้ละเอียดตักขึ้นพักไว้</li>
<li>เตรียมหมูหมัก...เริ่มจากใส่เนื้อหมูผสมกับส่วนผสมที่โขลกไว้ ตามด้วยใส่ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรสน้ำตาลทราย แป้งข้าวโพด และไข่ไก่ 1 ฟอง นวดให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน นวดจนเหนียว แล้วจึงนำเข้าตู้เย็นพักไว้ 10-15 นาที</li>
<li>นำหมูหมักมาป้ายลงบนแผ่นขนมปังที่เตรียมไว้ (ทาไม่ต้องหนามาก เพราะถ้าทาหนาเกินไปเวลาทอดจะสุกยาก) โดยตักส่วนผสมเนื้อหมูประมาณ 1-1½ ช้อนชา ป้ายลงบนขนมปังโดยให้ตรงกลางนูนสักหน่อย วางพริกชี้ฟ้าสีแดงซอยและใบผักชีลงไปแล้วใช้มือกดเบาๆ แล้วจุ่มขนมปังด้านที่ป้ายหน้าหมูลงในไข่ไก่ </li>
<li>ใส่น้ำมันลงในหม้อหรือกระทะใช้ไฟปานกลาง รอให้น้ำมันร้อนก่อนจึงนำลงทอด ค่อยๆ หย่อนลงไปในกระทะ โดยนำด้านที่มีหมูลงไปก่อน ทอดจนสุกเหลืองดีแล้วค่อยพลิกกลับอีกด้าน พอเหลืองน่ากินแล้วตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่ภาชนะเสิร์ฟพร้อมกับอาจาด หรือน้ำจิ้ม หรือซอส</li>
</ol>
<span style="background-color: white;"><b><span style="color: #990000;">เคล็ดลับวิธีทำขนมปังหน้าหมูให้กรอบอร่อย ไม่อมน้ำมัน</span></b></span><br />
<ul>
<li>เลือกซื้อเนื้อหมูบดที่มีมันปนเล็กน้อย เวลาสุกจะไม่แข็งกระด้าง</li>
<li>วิธีหนึ่งที่จะช่วยทำให้ขนมปังหน้าหมูไม่อมน้ำมัน คือ <b>ใช้วิธีอบ</b> นำเข้าเตาอบหรือไมโครเวฟตั้งไฟที่ 160 องศาเซลเซียส ประมาณ 15 นาทีหรือจนเนื้อหมูสุก ก็จะได้ขนมปังหน้าหมูที่กรอบและไม่อมน้ำมันแล้ว</li>
<li>สำหรับ<b>วิธีทอดขนมปังหน้าหมู</b></li>
<ul>
<li>ก่อนที่จะนำขนมปังมาทำให้นำไปตัดขอบและนำไปผึ่งลมให้แห้งจริงๆ แบบแทบจะแข็งซะก่อน (เพราะจะทำให้ขนมปังที่ทอดออกมาไม่อมน้ำมันและทอดได้สีสวยเสมอกันตลอดทั้งชิ้น) โปะหมูปรุงรส ชุบไข่ ตั้งกระทะที่ไฟปานกลาง รอน้ำมันพอร้อนจึงค่อยทอด ทอดจนสุกเหลืองทั้ง 2 ด้าน ตักขึ้นผึ่งบนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมันสักพักให้น้ำมันออกมากที่สุด (ไม่งั้นขนมปังก็จะอมน้ำมันมาก ทำให้ขนมปังไม่กรอบทานไม่อร่อย) เพียงเท่านี้ก็จะได้ขนมปังหน้าหมูที่กรอบนานแน่นอน</li>
<li>ปริมาณน้ำมันที่ใช้ทอดควรเยอะสักหน่อย ถ้ากลัวเปลืองก็ใช้หม้อใบเล็กๆ หรือกะทะใบเล็กๆ ก็ได้ </li>
</ul>
<li>นอกจากขนมปังหน้าหมูแล้ว เราสามารถเปลี่ยนเป็นหน้าไก่สับ หรือว่ากุ้งสับแทนก็ได้ อร่อยไปอีกแบบ ส่วนใครที่ทานมังสวิรัตอาจจะไปใช้เห็ดนางฟ้าสับแทน แต่ถ้าใช้เห็ดควรจะต้องเพิ่มปริมาณแป้งอีกสักหน่อย ไม่งั้นหน้าหมูมันจะไม่ค่อยเกาะเป็นเนื้อเดียวกันครับ</li>
</ul>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-61323832340961807882016-08-29T11:47:00.000-07:002016-09-22T07:14:14.833-07:00สูตรก๋วยเตี๋ยวลุยสวน น้ำจิ้มรสเด็ด<br />
เมนูอาหารทานเล่น “<b><span style="color: #38761d;">ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน</span></b>” เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ วันนี้แซ่บเวอร์ดอทคอมขอนำเสนอสูตรก๋วยเตี๋ยวลุยสวนและสูตรน้ำจิ้มก๋วยเตี๋ยวลุยสวนรสเด็ดมาฝากไว้ที่นี่แล้ว ที่สามารถทำรับประทานเองได้ที่บ้าน โดยเฉพาะหนุ่มๆสาวๆ ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เป็นอีกเมนูอาหารที่ทำง่ายๆ รับประทานง่ายได้ประโยชน์ ที่สำคัญรสชาติต้องอร่อยเด็ดแน่นอน เคล็ดลับความอร่อยของก๋วยเตี๋ยวลุยสวนนั้น อยู่ที่ไส้ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนที่มีรสชาติอร่อยกลมกล่อม ความสดกรุบกรอบของผักสด ผนวกกับแผ่นก๋วยเตี๋ยวที่นุ่มเกำลังดี และหัวใจสำคัญเลยคือ ต้องอร่อยเด็ด ที่มีสีเขียวคล้ายน้ำจิ้มซีฟู้ด (แต่รสชาติไม่ใช่แบบน้ำจิ้มซีฟู้ด) น้ำจิ้มจะมีรสจัดจ้านออกเปรี้ยวๆ เผ็ดนำตามมาติดๆด้วยรสหวาน แซ่บถึงใจ เรียกได้ว่าเป็นทีเด็ดมัดใจลูกค้าเลยก็ว่าได้<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiZjmzNLA9h8xLF5wGY4jRm3ozJuQJtJ3i8Wuxc42JzrKTaRGFpkd0t_ZqG_b5e2aH_GdurDidjcQNpAYHhiXxNOp8HiEJAMSvoVJUsPZrWOpA3JBtgSk1yfHKvO61bwWZzLL6B6DBEINTt/s1600/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2599+%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594.tif"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiZjmzNLA9h8xLF5wGY4jRm3ozJuQJtJ3i8Wuxc42JzrKTaRGFpkd0t_ZqG_b5e2aH_GdurDidjcQNpAYHhiXxNOp8HiEJAMSvoVJUsPZrWOpA3JBtgSk1yfHKvO61bwWZzLL6B6DBEINTt/s400/%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2599+%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594.tif" width="308" /></a></div>
<span style="color: blue;"><br /><b>ส่วนผสมก๋วยเตี๋ยวลุยสวน</b></span><br />
<ol>
<li>แผ่นก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ยังไม่ตัด 1000 กรัม</li>
<li>หมูยอแบบแผ่นใหญ่ ๆ 3 ชิ้น </li>
<li>เต้าหู้แบบชิ้นสี่เหลี่ยมสีขาว 1 ชิ้น (ใส่หรือไม่ใส่ ก็ได้)</li>
<li>หมูบดสุกปรุงรส (ใส่หรือไม่ก็ได้) ดูสูตรและวิธีทำด้านล่าง</li>
<li>ผักต่าง ๆ ที่ใช้ในการห่อและกินเป็นเครื่องเคียง เช่น ผักกาดหอม ใบโหระพา ผักชีฝรั่ง แครอท แตงกวา ใบสะระแหน่ กะหล่ำปลีม่วงซอย หรือผักตามชอบ </li>
</ol>
<b><span style="color: #990000;">**</span><u>หมายเหตุ</u>:</b> ท่านสามารถเปลี่ยนไส้ได้ตามใจชอบ เช่น ไส้หมูยอ ปลาทู เต้าหู้ ไส้กรอก แฮม ไก่ต้ม ทูน่า เป็นต้น<br />
<div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj0Pa82NIbeAb2zJ9DQEw2ypZhLlHdEVrKOB-c0bXwrpj95oz9GMQ-T9JdrPKATacyvKDiozhB4ilWNC-6UwZZP2l7tkhhnmk-PJgasXUWUZKEsEufgUHA5nTPdzYGW-We3A-BzaGkI2U3G/s1600/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2599.jpg"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj0Pa82NIbeAb2zJ9DQEw2ypZhLlHdEVrKOB-c0bXwrpj95oz9GMQ-T9JdrPKATacyvKDiozhB4ilWNC-6UwZZP2l7tkhhnmk-PJgasXUWUZKEsEufgUHA5nTPdzYGW-We3A-BzaGkI2U3G/s400/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2599.jpg" width="300" /></a></div>
<br />
<b><span style="color: blue;">วิธีทำก๋วยเตี๋ยวลุยสวน</span></b> (<b>แบบม้วนและหั่นชิ้นพอคำ</b>)<br />
1. นำแผ่นก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ไปนึ่งให้สุก นำขึ้นพักไว้ให้เย็น<br />
2. เตรียมส่วนผสมต่างๆ ไว้ให้พร้อม<br />
• เต้าหู้ และหมูยอ นำลงทอดในกระทะด้วยไฟอ่อน ๆ ให้เหลืองหอม แล้วหั่นเป็นเส้น ๆ<br />
• ล้างผักทุกอย่างให้สะอาด <br />
• แตงกวาผ่าตามยาวเป็น 6 ชิ้น ส่วนแครอทหั่นยาวเป็นเส้น ๆ<br />
3. นำเส้นก๋วยเตี๋ยววางบนเขียง คลี่แยกออกเป็นแผ่นๆ แล้ววางผักกาดหอม ใบโหระพา ผักชีฝรั่ง แตงกวาหั่นยาว แครอทหั่นยาว หมูยอหั่นยาว เต้าหู้หั่น และหมูบดสุกปรุงรสที่เตรียมไว้…ลงไปบนเส้นก๋วยเตี๋ยว (ส่วนผสมที่กล่าวมาบางอย่างจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ทั้งนั้น ปริมาณเพิ่มลดได้ตามชอบ.. แต่ควรใส่ไส้ต่างๆให้มันมีความสมดุลกัน และปริมาณไส้ใส่เยอะพอดีๆ กะว่าม้วนห่อแผ่นก๋วยเตี๋ยวได้ด้วยนะ) <br />
4. จากนั้นม้วนห่อทุกอย่างรวมเข้าด้วยกันอยู่ในเส้นใหญ่ให้แน่น แล้วหั่นเป็นชิ้นพอคำ ตักใส่จาน พร้อมรับประทานคู่กับน้ำจิ้ม<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjFtiWVORkErXdundzakbL8K1TZi7y9sMmre8NAKccjDwuh2aV_toymmnLmhNBGYMdQMg6fD7nlAKwq0fdNlxW-MpF-pfyf3pYYz3b8PZfWuguuaJ93r9HpY6IC2HJ13Ij-qjTy3CgsH391/s1600/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2599_%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%258D%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2599.jpg"><img border="0" height="251" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjFtiWVORkErXdundzakbL8K1TZi7y9sMmre8NAKccjDwuh2aV_toymmnLmhNBGYMdQMg6fD7nlAKwq0fdNlxW-MpF-pfyf3pYYz3b8PZfWuguuaJ93r9HpY6IC2HJ13Ij-qjTy3CgsH391/s400/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2599_%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%258D%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2599.jpg" width="400" /></a></div>
<span style="color: #b45f06;"><br /></span></div>
<div>
<b style="background-color: #f9cb9c;">ไส้ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน หมูบดสุกปรุงรส</b></div>
<div>
<b><span style="color: #cc0000;">ส่วนผสม</span></b><br />
<ol>
<li>หมูบดละเอียด (เนื้อส่วนสะโพกหมู)</li>
<li>เห็ดหอมดอกใหญ่ แช่น้ำให้นิ่มและหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ</li>
<li>แครอท หั่นลูกเต๋าชิ้นไม่เล็กไม่ใหญ่มาก</li>
<li>ซีอิ๊วขาว</li>
<li>น้ำมันพืช นิดหน่อย</li>
</ol>
<b><span style="color: #cc0000;">วิธีทำ</span></b><br />
<ol>
<li>ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไปนิดหน่อย เกลี่ยให้ทั่วกระทะ ใส่หมูบดลงไป ตามด้วยเห็ดหอมหั่น ผัดให้เข้ากัน</li>
<li>แล้วจึงใส่แครอทหั่น และซีอิ๋วขาว ผัดและเกลี่ยส่วนผสมกลับไปมาให้เข้ากันอยู่สักพัก (น้ำจากแครอทจะซึมออกมาผสมกับเนื้อหมูทำให้มีรสหวาน อร่อยขึ้น) รวนหมูและส่วนผสมจนกระทั่งหมูสุก</li>
<li>ตักใส่จาน พักไว้จนกระทั่งเย็น (เพราะถ้าเอาไปทำก๋วยเตี๋ยวลุยสวนทันที ผักในแผ่นก๋วยเตี๋ยวจะโสนดำไม่สดไม่กรอบ)</li>
</ol>
<span style="background-color: #f4cccc;"><b>น้ำจิ้มก๋วยเตี๋ยวลุยสวนสูตรที่ 1 น้ำพริกสะระแหน่</b></span><br />
น้ำพริกสะระแหน่ (น้ำพริกข้าวหมกสูตรต้นตำรับดั้งเดิมของชาวมุสลิม) สูตรนี้เป็นสูตรของคุณบ่งบ๊ง สมาชิกเว็บไซต์พันธิปดอทคอม น้ำจิ้มสูตรนี้มีสีเขียวมรกตได้ใจสุดๆ ที่สำคัญทานกับก๋วยเตี๋ยวลุยสวนอร่อยแซ่บแน่นอน อีกสูตรทำง่าย ที่มีส่วนผสมและวิธีทำดังนี้<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi6ONGIfAd5yMUfA0jV9DHdNpOWDlFPMjR2EV_rovfjEd4basNq4qHHj4koynEkBvWzFwQIC2tMHGqmhLjqc6YogZtPYC0I1TTknNQ5dvxFVQ1xcBXE3B_6aNMjuYJ3eIRx7qbEDaYjahUp/s1600/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2599_%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2588.jpg"><img border="0" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi6ONGIfAd5yMUfA0jV9DHdNpOWDlFPMjR2EV_rovfjEd4basNq4qHHj4koynEkBvWzFwQIC2tMHGqmhLjqc6YogZtPYC0I1TTknNQ5dvxFVQ1xcBXE3B_6aNMjuYJ3eIRx7qbEDaYjahUp/s400/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2599_%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2588.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม</span></b><br />
<ol>
<li>กระเทียมกลีบเล็ก 20 กลีบ</li>
<li>พริกชี้ฟ้าเขียว ผสมกับพริกขี้หนูเขียว มากน้อยตามชอบ</li>
<li>ผักชีไทย 100 กรัม</li>
<li>ใบสะระแหน่ 100 กรัม</li>
<li>น้ำตาลทราย 1 ถ้วย</li>
<li>น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วย</li>
<li>เกลือป่น 1 ช้อนชา</li>
<li>นมเปรี้ยว โดยนำนมสดบีบน้ำมะนาวลงไป รอให้ตกตะกอนข้นแล้วนำมาใช้</li>
</ol>
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำ</span></b><br />
<ol>
<li>นำหม้อเคลือบตั้งเตาไฟ ใส่น้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย และเกลือสมุทรลงไปเคี้ยว…เคี่ยวไม่ต้องให้ข้นมาก พักไว้ให้เย็น</li>
<li>นำส่วนผสมทั้งหมดในข้อ 1 - 4 ใส่ในเครื่องผสมอาหาร แล้วบดปั่นให้ละเอียดมากที่สุด เทส่วนผสมที่ปั่นไปในน้ำเชื่อมที่พักไว้ ใส่นมเปรี้ยวลงไป ชิมรสให้ออกเปรี้ยวนำหวาน</li>
</ol>
<b style="background-color: #f4cccc;">น้ำจิ้มก๋วยเตี๋ยวลุยสวนสูตรที่ 2</b><br />
สูตรนี้เป็นสูตรของครัวบ้านพิม เป็นอีกสูตรอร่อยและทำง่าย ที่มีส่วนผสมดังนี้<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม</span></b><br />
<ol>
<li>กระเทียมไทยกลีบเล็ก 4 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>ใบสะระแหน่ 1 ½ ถ้วย</li>
<li>ใบโหระพา 1 ถ้วย</li>
<li>รากผักชี 3 ราก</li>
<li>พริกขี้หนูสวนสีเขียว 20 เม็ด</li>
<li>น้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวง</li>
<li>น้ำตาลทราย 36 กรัม</li>
<li>เกลือป่น 1 ½ ช้อนชา</li>
<li>น้ำมะนาวคั้นสด 1 ช้อนชา</li>
</ol>
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำ</span></b><br />
<ol>
<li>ผสมน้ำส้มสายชู เกลือป่น และน้ำตาลลงในหม้อ คนพอเข้ากัน แล้วนำไปตั้งไฟปานกลาง รอจนเดือด ให้เกลือละลายหมดก็ปิดไฟ แล้วพักไว้ให้เย็น</li>
<li>พอส่วนผสมน้ำส้มสายชูเย็นดีแล้ว ก็ให้เทใส่ลงในโถปั่นน้ำผลไม้ ตามด้วยน้ำมะนาว กระเทียมไทยที่ปอกเปลือกแล้ว ใบสะระแหน่ ใบโหระพา รากผักชี และพริกขี้หนูสีเขียว</li>
<li>แล้วนำไปปั่นจนส่วนผสมทุกอย่างละเอียด ก็ปิดเครื่อง แล้วเทใส่กล่อง แช่ตู้เย็นรอไว้</li>
<li>น้ำจิ้มสามารถทำไว้ล่วงหน้าได้ โดยใส่ขวดแก้วแช่ในตู้เย็น รุ่งขึ้นน้ำจิ้มจะเข้มข้น ไม่มีกลิ่นใบโหระพา รวมทั้งใช้เป็นน้ำจิ้มอาหารทะเล นึ่ง ย่างได้อีกด้วย </li>
</ol>
<b style="background-color: #f4cccc;">น้ำจิ้มก๋วยเตี๋ยวลุยสวนสูตรที่ 3 น้ำจิ้มถั่วตัด</b><br />
จริงๆแล้ว น้ำจิ้มสูตรนี้นิยมทำรับประทานกับเมี่ยงปลาเผา เมี่ยงปลาทู แต่ลองทำน้ำจิ้มสูตรนี้มารับประทานกับก๋วยเตี๋ยวลุยสวนก็ให้ความอร่อยกลมกล่อมไปอีกแบบนะครับ สูตรนี้เป็นสูตรมาจากเว็บไซต์ nlovecooking.com น้ำจิ้มถั่วตัดนั้นจะมีสีน้ำตาล เป็นน้ำจิ้มหวาน ออกมันๆ หวานๆ ทำจากถั่ว รสอร่อยกลมกล่อม มีส่วนผสมและวิธีทำดังนี้<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjGWZYUyIGon_er_a9_4VtZBXaR1mShZ0WUycy_QezED3cA_2qqS8onqokBtf7njKlh1DiafsXANV-EnHYqa_nzTwWq8iGyfNyfZ2Ya_UbrkV1GRoODrD1S2t9aKvkeZiW0yE1iABze1i-7/s1600/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2596%25E0%25B8%25B1%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2594_%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B9+%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2599.jpg"><img border="0" height="296" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjGWZYUyIGon_er_a9_4VtZBXaR1mShZ0WUycy_QezED3cA_2qqS8onqokBtf7njKlh1DiafsXANV-EnHYqa_nzTwWq8iGyfNyfZ2Ya_UbrkV1GRoODrD1S2t9aKvkeZiW0yE1iABze1i-7/s400/%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2596%25E0%25B8%25B1%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2594_%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2588%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B9+%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2599.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม</span></b><br />
<ol>
<li>ถั่วตัด 1 แผ่น ประมาณ 3 ช้อนโต้ะ</li>
<li>พริกสดสีแดง 3 ช้อนโต้ะ</li>
<li>กระเทียม 2 ช้อนโต้ะ</li>
<li>น้ำมะนาว 2 ช้อนโต้ะ</li>
<li>น้ำปลา 2 ช้อนโต้ะ</li>
<li>น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต้ะ</li>
</ol>
<span style="color: #990000;"><b>**</b></span><b><u>หมายเหตุ</u></b>: ถ้าใช้ถั่วลิสงคั่ว ต้องเพิ่มใส่น้ำตาลปี๊บ (หรือน้ำตาลมะพร้าว)<br />
<br />
<span style="color: #990000;"><b>วิธีทำ</b></span><br />
1. นำถั่วตัด หรือถั่วลิสงใส่ลงในโถปั่น หรือครกโขลกให้พอหยาบ ให้ยังคงเหลือเนื้อถั่วไว้นิดหน่อย เสร็จแล้วตักใส่ถ้วย<br />
2. โขลกหรือปั่นกระเทียมกับ พริกขี้หนู ให้ได้แบบหยาบๆ เช่นกัน<br />
2.1 กรณีไม่มี ถั่วตัด ให้ใส่น้ำตาลปีบ ในขั้นตอนหลังจากข้อที่ 2 ครับ<br />
3. นำส่วนผสม 2 ส่วน (1 และ 2) ใส่ภาชนะ แล้วปรุงรสด้วย น้ำมะนาว และน้ำปลา ผสมให้ทุกอย่างเข้ากันดี ชิมรสตามชอบ เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม และเผ็ด (การที่ใส่น้ำตาลที่น้อยกว่าส่วนผสมอื่น เนื่องจากตัวถั่วตัดมีส่วนผสมของน้ำตาลอยู่แล้ว…แต่ถ้าใครหาถั่วตัดไม่ได้จะใช้ถั่วลิสงคั่วแทนก็ได้ แต่อาจต้องปรุงด้วยน้ำตาลเยอะหน่อยจะปรุงมากน้อยแค่ไหนก็ได้ตามชอบ ลองชิมดูถูกปากเราก็เป็นใช้ได้แล้ว)<br />
4. เสริฟน้ำจิ้มใส่ถ้วยน้ำจิ้ม พร้อมรับประทาน<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg72H4TXW-RTcq69BBi3IxfKqi1xKfeZXffVj1EGrTUTSoQq0gRIiHXTEqxp7I_GALg0MvRKnbkPEe1jqaLyQ_ZHrrT41iUzeszKPINdh6B4JucHffZtVqvkD0qWpGh-WGiZDa6xNecj9B9/s1600/%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2599+%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594.jpg"><img border="0" height="266" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg72H4TXW-RTcq69BBi3IxfKqi1xKfeZXffVj1EGrTUTSoQq0gRIiHXTEqxp7I_GALg0MvRKnbkPEe1jqaLyQ_ZHrrT41iUzeszKPINdh6B4JucHffZtVqvkD0qWpGh-WGiZDa6xNecj9B9/s400/%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%258B%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2599+%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594.jpg" width="400" /></a></div>
<br />
<b style="background-color: lime;">เคล็ดลับความอร่อย</b><br />
<ul>
<li>เนื้อหมูที่ใช้ทำไส้หมูก๋วยเตี๋ยวลุยสวน แนะนำให้ใช้เนื้อส่วนสะโพกหมู </li>
<li>ผักที่ใช้ทำและแผ่นแป้งที่ห่อ ควรห่อสดๆ และเลือกใช้ผักสดทำจะได้ความกรอบอร่อยของผัก แล้วม้วนๆให้แน่นสักหน่อย จากนั้นหั่นเป็นชิ้นพอคำ จัดเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม (ควรทำรับประทานวันต่อวันไม่มีค้างคืน ) ก็เป็นอีกเสน่ห์ความอร่อยของก๋วยเตี๋ยวลุยสวนเช่นกัน</li>
<li>โดยทั่วไปก๋วยเตี๋ยวลุยสวนจะมีให้เลือก 2-3 แบบ คือ ไส้หมู ไส้หมูยอ ไส้มังสวิรัต (เต้าหู้ เห็ดหอม แครอท) เราสามารถทำให้ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนมีความหลากหลาย และน่าทานมากขึ้นด้วยการทำให้มีไส้ก๋วยเตี๋ยวลุยสวนหลายๆแบบ ก็ช่วยจะเพิ่มความอร่อย และความดึงดูดใจให้น่ารับประทานได้ไม่รู้เบื่ออีกด้วย </li>
<li>ส่วนผักที่เห็นสดสะอาดนั้นควรจะแช่กับน้ำส้มสายชูไว้สักพัก…เพื่อล้างสารพิษให้หมดไปด้วย</li>
</ul>
<br />
<span style="color: #444444;"><b>เรียบเรียงข้อมูลโดย:</b> zabwer.com</span><br />
<span style="color: #444444;"><b>ขอขอบคุณสูตรและรูปภาพจาก:</b> คุณบ่งบ๊ง; pantip.com/topic/30271863<br />ครัวบ้านพิม; pim.in.th <br />nlovecooking.com</span></div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-31666472812329082932016-08-26T04:07:00.004-07:002016-09-22T07:15:12.699-07:00สูตรลาบหมูรสเด็ด พร้อมเคล็ดลับความอร่อย<br />
"<b><span style="color: #b45f06;">ลาบหมู</span></b>" เมนูอาหารอีสานยอดนิยม เป็นเมนูอาหารที่ทำได้ง่ายๆ อีกหนึ่งเมนูที่แทบทุกคนต้องเคยทานกันมาบ้าง และมักจะมาคู่กับข้าวเหนียวร้อนๆ ส้มตำรสแซ่บๆ สูตรและวิธีการทำลาบหมูนั้นไม่ยุ่งยาก แต่การทำให้อร่อยแซ่บถูกปากนั้นจำต้องมีเทคนิคและเคล็ดลับเฉพาะกันบ้าง วันนี้ครัวแซ่บเวอร์มีสูตรลาบหมูรสเด็ดมาฝาก รับรอง ทำง่ายๆ แต่อร่อยโดนใจแน่นอน <br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjoeH5laAzC7Q1nCRNMfrMEe9PmW8UrJmzfrroFCTIerk9PImQZLklIu9VPR1IscL0I0o8KZ3Gtul2D-XjhFrEImMREjvIZEaW3zReiUWSk7X7YewQFJQJJ9TRhf1H95klozAxY5YKn09WF/s1600/%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9_%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%258B%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259A.jpg"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjoeH5laAzC7Q1nCRNMfrMEe9PmW8UrJmzfrroFCTIerk9PImQZLklIu9VPR1IscL0I0o8KZ3Gtul2D-XjhFrEImMREjvIZEaW3zReiUWSk7X7YewQFJQJJ9TRhf1H95klozAxY5YKn09WF/s400/%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9_%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%258B%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259A.jpg" width="398" /></a></div>
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสมลาบหมู</span></b><br />
<ol>
<li>เนื้อหมูสันนอกสับ 100 กรัม </li>
<li>หั่นตับหมูเป็นชิ้นบางๆ 50 กรัม </li>
<li>ใบสะระแหน่ 2 ช่อ</li>
<li>ผักชีฝรั่งหั่นหยาบๆ 2 ต้น </li>
<li>หอมแดงซอย 3 หัว </li>
<li>ต้นหอมซอย 3 ต้น</li>
<li>พริกขี้หนูแห้งคั่วป่น 1 ช้อนโต๊ะ </li>
<li>น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ </li>
<li>น้ำปลา 1 ½ ช้อนโต๊ะ </li>
<li>น้ำตาลทราย ¼ ช้อนชา (ใส่ หรือไม่ใส่ ก็ได้ตามชอบ)</li>
<li>ข้าวคั่วป่น 2 ช้อนโต๊ะ </li>
<li>ใบสะระแหน่ สำหรับโรยหน้า</li>
<li>พริกขี้หนูแห้งทอด 3 เม็ด </li>
<li>ผักสด เช่น ผักกาดขาว กะหล่ำปลี แตงกวา ถั่วฝักยาว ผักชี ต้นหอม หรือผักตามชอบ ฯลฯ</li>
</ol>
<span style="color: #990000;"><b>วิธีทำลาบหมู</b></span><br />
<ol>
<li>เตรียมเครื่องผักต่างๆ นำมาล้างแล้วซอยเตรียมไว้ </li>
<li>หั่นตับเป็นชิ้นบางๆ แล้วนำไปลวกพอสุก (ต้มแค่พอสุกนุ่ม ไม่แข็งแห้ง) ตักใส่ชาม พักไว้</li>
<li>ใส่น้ำเปล่า 1 ทัพพีลงในหม้อหรือกระทะ ยกขึ้นตั้งไฟใช้ไฟปานกลาง จากนั้นใส่หมูสับลงไปรวนหมูจนสุก แล้วจึงใส่ตับลงไป และปิดไฟ </li>
<li>เอาเครื่องลาบ ได้แก่ ใบสะระแหน่ ผักชีฝรั่ง หอมแดงซอย ต้นหอมซอย ลงไปคลุกกับหมูสับและตับที่สุกแล้ว (ผสมเบาๆ อย่าให้ผักช้ำ)</li>
<li>ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว, น้ำปลา, พริกป่น และน้ำตาล คลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบเปรี้ยว เผ็ด เค็ม</li>
<li>แล้วจึงใส่ข้าวคั่วเป็นลำดับสุดท้าย คลุกเคล้าให้เข้ากัน โรยใบสะระแหน่ลงไป ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ</li>
<li>แต่งข้างจานด้วยผักสด (กะหล่ำปลี, ถั่วฝักยาว) โรยหน้าด้วยใบสาระแหน่ เสริฟพร้อมข้าวเหนียวร้อนๆ (หรือข้าวสวย)</li>
</ol>
<b style="background-color: lime;">เคล็ดลับความอร่อยการทำลาบหมู</b><br />
<ul>
<li><b>เนื้อหมูสับ</b>ที่นำมาทำลาบ ควรสับหรือบดแบบหยาบๆ ถึงจะอร่อย</li>
<li><b>วิธีเลือกตับหมู</b> วิธีสังเกตุว่าตับชิ้นไหนขม ดังนี้ ตับที่มีรสขมจะมีสีแดงเข้มเหมือนมีเลือดสดๆ ซึมออกมาตลอด ที่คนมักเรียกว่า “ตับเลือด” ถ้าชิ้นไหนเป็นแบบนี้อย่าไปเลือกมาครับ เพราะถ้าเราเอาไปประกอบอาหารจะมีรสขม และปรุงยังไงก็เหมือนไม่สุกสักที มีเลือดสีแดงซึมออกมาตลอดทำให้ต้องปรุงนาน ตับที่ได้ก็จะทั้งขมและแข็ง</li>
<li><b>เทคนิคทำลาบหมูให้น้ำแห้งไม่แฉะ</b> มีวิธีคือ ลวกตับหมูและเนื้อหมูให้สุกก่อนในน้ำน้อยๆ (เวลาลวกไม่ต้องใช้น้ำมาก เพราะเวลานำมาทำลาบจะแฉะ) สุกแล้วยกลงมาพักไว้ก่อน แล้วจึงปรุงรส ใส่เครื่องผักซอยต่างๆ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ก็ได้ลาบหมู แบบน้ำแห้ง รสแซ่บแล้ว</li>
</ul>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-4396737430255774472016-08-25T07:32:00.000-07:002016-09-22T07:19:46.268-07:00สูตรแกงเห็ดเผาะผักหวาน รสแซ่บบบบ<br />
<b>แกงเห็ดเผาะใส่ผักหวาน</b> เมนูอาหารภาคอีสาน อีกเมนูอาหารทำง่ายๆ แกงเห็ดสูตรนี้เป็นแบบแกงลาว ส่วนผสมตามสูตรนี้สามารถนำไปประยุกต์ทำแกงเห็ดต่างๆ ทั้งแกงเห็ดรวม แกงเห็ดสามอย่างได้ เพียงแค่เปลี่ยนจากเห็ดเผาะเป็นเห็ดต่างๆ ที่เราชอบหรือที่หาได้ เช่นเห็ดนางฟ้า เห็ดฟาง เห็ดเข็มทองเป็นต้น หรือจะเพิ่มผักต่างๆลงไปอีกก็ได้ทั้งนั้น เช่น ฟักทอง บวบ ผักพื้นบ้านที่หาได้ เป็นต้น วิธีทำแกงเห็ดเผาะใส่ผักหวานนั้นลองทำดูไม่ยากเลย รสอร่อยเข้มข้นจัดจ้าน อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหาร รับประทานกับข้าวสวยหรือข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆ ก็แซ่บสุดๆแล้ว<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiyLNyrsILHDJibFigjLz6qLMzpjkbxH91c4iuiPXtgr-FZ8nNUPtW6Bh-QgU615O0c78QlpuHYjONftI8nahFGFElMr793LyqAiqzrfh4BDMUYMtH2uodiTFt9bOy0-dZgC6G6biRBQk10/s1600/%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2587%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599.jpg"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiyLNyrsILHDJibFigjLz6qLMzpjkbxH91c4iuiPXtgr-FZ8nNUPtW6Bh-QgU615O0c78QlpuHYjONftI8nahFGFElMr793LyqAiqzrfh4BDMUYMtH2uodiTFt9bOy0-dZgC6G6biRBQk10/s400/%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%2587%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2599.jpg" width="340" /></a></div>
<br />
ฤดูฝนเป็นฤดูที่เห็ดออกดอกออกผลมากที่สุด เห็ดที่กำลังเป็นกระแสและได้รับความนิยมมากตอนนี้ คือ เห็ดเผาะหรือเห็ดถอบ ที่ขบไปแล้วแตกดังเป๊าะๆ แบบที่เรียกว่าขบเผาะ ซึ่งเห็ดเผาะปีนี้ (ปี2559) ราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากหาทานได้ยาก โอกาสจะได้กินเห็ดสดหนึ่งปีมีหนเดียวเท่านั้น ก็คงต้องยอมกันละงานนี้ เพราะถัดจากนี้ไปคงต้องกินเห็ดเผาะกระป๋องในน้ำเกลือ ซึ่งก็พอทำเนาให้หายอยากไปได้บ้าง …หากใช้เห็ดสดให้นำไปลวกน้ำร้อนก่อน แต่ถ้าใช้เห็ดกระป๋องก็นำไปล้างน้ำแล้วใช้ได้เลย<br />
<br />
<b><span style="color: #cc0000;">ส่วนผสม</span></b><br />
<ol>
<li>เห็ดเผาะ ล้างให้สะอาด 150 กรัม</li>
<li>ตะไคร้ ทุบและหั่นแฉลบ 1 ต้น</li>
<li>พริกสดสีแดง บุบหยาบ 4-5 เม็ด</li>
<li>น้ำคั้นใบย่านาง (กะเอาให้สีออกเข้มๆ กำลังดี) 1 ½ ถ้วยตวง</li>
<li>ผักหวาน 1 กำมือ</li>
<li>ใบแมงลัก เด็ดเอาแต่ใบ ½ ถ้วยตวง (ปริมาณตามชอบ)</li>
<li>น้ำปลาร้า 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>เกลือป่น ¼ ช้อนชา</li>
<li>ข้าวคั่วป่น 1 ช้อนชา</li>
</ol>
<b><span style="color: #cc0000;">วิธีทำ</span></b><br />
<ol>
<li>เตรียมผักหั่นไว้ ส่วนน้ำคั้นใบย่างนาง (ซื้อที่ตลาดก็ได้) หรือจะคั้นเองก็ได้ง่ายมากดังนี้ เด็ดเอาแต่ใบย่านาง ล้างน้ำให้สะอาด หั่นใบย่านางให้เล็กลง จากนั้นใช้ครกโขลกให้ละเอียด แล้วเติมน้ำลงไป กะเอาผสมให้สีออกเข้มๆ กำลังดี แล้วจึงกรองเอาแต่น้ำ ก็จะได้เป็นน้ำคั้นใบย่านาง (เช่น ใช้ใบย่านาง 10 ใบ โขลกละเอียดแล้วเติมน้ำ 2 ถ้วยตวงลงไป กรองเอาแต่น้ำ ก็จะได้น้ำค้นใบย่านาง 2 ถ้วยตวง)</li>
<li>นำน้ำคั้นใบย่านางใส่หม้อขึ้นตั้งไฟกลางไว้ แล้วใส่พริกบุบหยาบ และตะไคร้ (อย่าใช้น้ำคั้นใบย่านางเยอะ เพราะน้ำจากเห็ดจะออกมาหลังจากแกงได้สักครู่) …รอจนเดือด</li>
<li>เมื่อน้ำเดือด ใส่น้ำปลาร้า เกลือป่น และข้าวคั่วป่นลงไป คนพอเข้ากัน…ต้มพอมีกลิ่นหอม</li>
<li>จากนั้นจึงใส่เห็ดเผาะ เห็ดทุกชนิดลงไป และใส่ผักหวาน รอให้เห็ดสุกและรสหวานจากผักออก…(ถ้ามีฟองคอยช้อนฟองออก)</li>
<li>ชิมรสอีกครั้ง ถ้ารสอ่อนไปเติมน้ำปลาหรือเกลือ</li>
<li>ปิดเตา ใส่ใบแมงลักและกดให้ผักจมน้ำร้อน คนพอเข้ากันอีกครั้ง ตักใส่ภาชนะ จัดเสิร์ฟ</li>
</ol>
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><img border="0" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjYXxMzY6O0mOCN35HUv6rWR7WcMx3xnpiy7Cu1oPjVKROJP4Ifbyhgoq-yBEBWU4Wmxai9dcOEUz8n81gdRQc-alW2_BfRGhqsr_eZO_m-Ni_Kuo3NsLz3npN4l9lMVIbytJfjA-IzQu1G/s400/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2587%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%25AD%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2586.jpg" style="margin-left: auto; margin-right: auto;" width="400" /></td></tr>
<tr><td class="tr-caption" style="text-align: center;">เห็ดเผาะผ่าครึ่ง (photo: คุณ Mr.Trin)</td></tr>
</tbody></table>
<div>
<br /></div>
<div>
<b style="background-color: lime;">แนะนำเพิ่มเติม</b><br />
<ul>
<li>นำเห็ดเผาะผ่าครึ่งเพื่อเลือกเห็ดที่อ่อนๆ ส่วนเห็ดที่แก่เป็นสีดำควรคัดออก…เห็ดเผาะอ่อนข้างในจะเป็นสีขาวจะแกงอร่อย…ส่วนดอกที่แก่ข้างในสีดำจะเหนียวเคี้ยวลำบาก</li>
<li>ถ้ามีโอกาสครั้งหน้าลองทำดู แกงเห็ดเผาะใส่ใบผักติ้ว (ผักแต้ว) ผักติ้วจะออกรสเปรี้ยว เมื่อนำมาใส่แกงเห็ดจะทำให้อร่อยมากขึ้น</li>
<li>แกงเห็ดที่ขาดไม่ได้เลย คือต้องใส่ตะไคร้และใบแมงลัก</li>
<li>ถ้าแกงเห็ดแบบแกงลาวไม่ควรใส่ใบกะเพรา ต้นหอม และหอมแดงลงไป เพราะจะให้กลิ่นแกงเห็ดเพี้ยนไป แต่ถ้าจะใส่ก็ได้อันนี้ก็ตามแต่สูตรของแต่ละคน ปรับเปลี่ยนได้ตามชอบครับ</li>
</ul>
<span style="color: #666666;">Photo credit: manager.co.th, IphoneOngfong สมาชิกเว็บ wongnai.com</span></div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-15435828441814084272016-08-24T07:56:00.000-07:002016-09-22T07:16:16.211-07:00หมูมะนาว 4 สูตรเปรี้ยวแซ่บ พร้อมเคล็ดลับความอร่อย<br />
"<span style="color: orange;">หมูมะนาว</span>" เมนูอาหารไทยสุดแซ่บอีกเมนูอาหารทำง่ายๆ ขั้นตอนไม่ยุ่งยากเลย เพียงลวกหมูที่หั่นเป็นชิ้น ในน้ำเดือดแค่พอสุก แล้วตักหมูขึ้นสะเด็ดน้ำจัดเรียงใส่จาน แล้วราดด้วยน้ำราดหมูมะนาวรสแซ่บจี๊ดที่ปรุงเตรียมไว้ เสิร์ฟพร้อมกับก้านคะน้าหรือแตงกวาหั่น แค่นี้ก็อร่อยเปรี้ยวๆ จี๊ดๆ แซ่บเวอร์ถูกใจแล้ว วันนี้ Zabwer.com จึงขอนำเสนอวิธีทำหมูมะนาวสูตรแซ่บไว้ทำรับประทานเองได้ที่บ้าน จะทานเป็นกับแกล้ม อาหารทานเล่น หรือทานเป็นกับข้าวพร้อมข้าวสวยร้อนๆก็ถูกใจคนชอบอาหารรสจัดยิ่งนัก<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjyolpSQO74EQDGknJeuNiZswETHTW1qThUgVog6UmtgTq-ikcvnFoU1lW3fbJg0wRk4UAk1AU15-CA4J0e7YWOnGOJyAYYhFt2Fbk_vPYPP1OD9mWO4qTso21eZj3FG_uiol8g6_yHoOGY/s1600/%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7.png"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjyolpSQO74EQDGknJeuNiZswETHTW1qThUgVog6UmtgTq-ikcvnFoU1lW3fbJg0wRk4UAk1AU15-CA4J0e7YWOnGOJyAYYhFt2Fbk_vPYPP1OD9mWO4qTso21eZj3FG_uiol8g6_yHoOGY/s400/%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7.png" width="321" /></a><br />
<br /></div>
<b style="background-color: #f6b26b;">1.หมูมะนาว</b><br />
หมูมะนาว สูตรนี้ต้องขอขอบคุณสูตรอร่อยของคุณมณีริน จากสมาชิกเว็บไวต์พันธิปดอทคอม เป็นอีกสูตรอร่อย รสเปรี้ยวแซ่บถูกใจ ที่ได้แนะนำสูตรและวิธีทำแซ่บๆเอาไว้<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6rI8qWteDVScu_BRgHFEA6j-GPPTOG0SjZCwHkjqOrhAtIb5fkvC9bpnWxFcB3y8ISrVonaxQBTTlkrfv2_KJYieNIF-aKpsQThUOIuPcmO9HQY9JRZt4WSJUckCA14il1zwndeucicHO/s1600/%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A71.jpg"><img border="0" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6rI8qWteDVScu_BRgHFEA6j-GPPTOG0SjZCwHkjqOrhAtIb5fkvC9bpnWxFcB3y8ISrVonaxQBTTlkrfv2_KJYieNIF-aKpsQThUOIuPcmO9HQY9JRZt4WSJUckCA14il1zwndeucicHO/s400/%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A71.jpg" width="400" /></a></div>
<span style="color: #990000;"><b>ส่วนผสม</b></span><br />
<ol>
<li>เนื้อหมู</li>
<li>แป้งมัน</li>
<li>มะนาว 2 ลูก</li>
<li>รากผักชี</li>
<li>กระเทียม</li>
<li>พริก</li>
<li>น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำตาลทรายนิดๆ ½ ช้อนชา</li>
<li>คนอร์ อร่อยชัวร์ ½ ช้อนชา</li>
<li>ผักชี สำหรับโรยหน้า</li>
</ol>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjAPxjdfWy5mc3arIRE-zr12laQCK37awzyIuN2iLMIk_wsELZyam3nqVOJgJ8F6hQqj9avlX8K5_GWVrEio-HKzWxA6ElYf3jKnAQEFfhpi7vU-1rQQ_jx0X_FUwIRN1Tq25WwXt1ft3O1/s1600/%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7+%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%258B%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259A1.jpg"><img border="0" height="640" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjAPxjdfWy5mc3arIRE-zr12laQCK37awzyIuN2iLMIk_wsELZyam3nqVOJgJ8F6hQqj9avlX8K5_GWVrEio-HKzWxA6ElYf3jKnAQEFfhpi7vU-1rQQ_jx0X_FUwIRN1Tq25WwXt1ft3O1/s640/%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7+%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AA%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%258B%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259A1.jpg" width="425" /></a></div>
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำ</span> </b><br />
<ol>
<li>หั่นหมู ชอบชิ้นขนาดไหนก็หั่นไป </li>
<li>หมักหมู ด้วยแป้งมัน </li>
<li>ขยำๆแล้วทิ้งไว้ </li>
<li>เตรียมเครื่องทำน้ำจิ้มคือ มะนาว, รากผักชี, กระเทียม พริกใส่ครก และใส่เกลือไปด้วยซักนิด...ตำพริกละเอียดตามต้องการ </li>
<li>บีบน้ำมะนาว วันนี้ใช้ 2 ลูก น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลนิดๆ ครึ่งช้อนชา และวันนี้ใส่คนอร์ อร่อยชัวร์ ลงไปด้วยครึ่งช้อนชา เสร็จแล้ว </li>
<li>ตั้งน้ำให้เดือด ใส่หมูลงไปลวกให้สุก...จากภาพน้ำไม่ค่อยเดือดเพราะปิดเตาก่อนค่ะ (ไม่งั้นถ่ายรูปไม่ได้)... </li>
<li>หมูสุกแล้ว...ตักใส่กระชอน ให้สะเด็ดน้ำ </li>
<li>ตักหมูใส่จาน </li>
<li>ราดน้ำจิ้มลงไป...โรยหน้าด้วยผักชี </li>
<li>ทานกับก้านคะน้า (แช่น้ำแข็งไว้รอแล้ว) และผักชีวิธีทำ </li>
</ol>
<div>
<b style="background-color: #f6b26b;">2.หมูมะนาว</b><br />
<b style="background-color: #f6b26b;"><br /></b>
<br />
<div>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjM5VVl4fqYvYnWgrOzDHn6_tSoAmSRvisFMWn1IlM0H_b6FJSxuy64as3YLqBkSFb3azaIe3dQq9Tr_woezXbieFQmoW-RWgaNwH4EtVyDU-mQmyuoXxObJmOTlkwy46ptGqMjey9Ek87F/s1600/%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%258B%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259A.jpg"><img border="0" height="265" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjM5VVl4fqYvYnWgrOzDHn6_tSoAmSRvisFMWn1IlM0H_b6FJSxuy64as3YLqBkSFb3azaIe3dQq9Tr_woezXbieFQmoW-RWgaNwH4EtVyDU-mQmyuoXxObJmOTlkwy46ptGqMjey9Ek87F/s400/%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%258B%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259A.jpg" width="400" /></a><br />
<br /></div>
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม</span></b> (สำหรับ 2 ท่าน)<br />
<ol>
<li>เนื้อหมู หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 300 กรัม</li>
<li>กระเทียมกลีบใหญ่ แกะเปลือกหั่นหยาบๆ 2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>พริกขี้หนูสวน ซอย 5-10 เม็ด (ปรับได้ตามความชอบ)</li>
<li>ผักชีหั่น 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>ซิอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำมะนาว 3-5 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>ก้านคะน้า ปอกเปลือกและหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ 1-2 ต้น (เพิ่มได้ตามความชอบ)</li>
</ol>
<span style="color: #990000;"><b> วิธีทำ</b> </span><br />
<ol>
<li>นำก้านคะน้ามาปอกเปลือกออกแล้วหั่นเฉียงเป็นชิ้นๆ นำก้านคะน้าที่หั่นไว้ไปแช่ในน้ำแข็ง เตรียมไว้ </li>
<li>เตรียมทำน้ำราด โดยผสมกระเทียม,พริก,ซิอิ๊วขาว,น้ำปลา,น้ำตาลทราย และน้ำมะนาว …คนจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี ชิมรสปรับรสชาติได้ตามที่ต้องการ </li>
<li>หั่นสไลซ์เนื้อหมูเป็นแผ่นบางๆ </li>
<li>ใส่น้ำลงในหม้อนำขึ้นตั้งไฟจนเดือด แล้วจึงใส่เนื้อหมูลงลวกพอสุก (ประมาณ 30 วินาที อย่าลวกนาน เพราะจะทำให้หมูแข็งกระด้าง) ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ </li>
<li>จัดหมูที่ลวกแล้วเรียงใส่จานที่รองด้วยก้านคะน้า จากนั้นเทน้ำราดที่ปรุงเตียมไว้ลงบนหมู พร้อมเสิร์ฟ </li>
</ol>
<b style="background-color: #f6b26b;">3.หมูมะนาวแบบย่าง </b><br />
<span style="color: #990000;"><b>ส่วนผสม</b> </span><br />
<ol>
<li>เนื้อหมูตรงส่วนของคอหมู (เอาแบบติดมันนิดๆ)</li>
<li>กระเทียมปอกเปลือก 5 กลีบ</li>
<li>พริกขี้หนูสวน 7 เม็ด</li>
<li>ใบสะระแหน่ 4-5 ใบ</li>
<li>น้ำกระเทียมดอง ครึ่งช้อนชา</li>
<li>น้ำมะนาว ครึ่งช้อนชา (หรือจะมากกว่านี้ถ้าชอบเปรี้ยว)</li>
<li>น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำตาลทราย ซีอิ้วขาว (พอประมาณกะเอานิดหน่อย)</li>
<li>เกลือและพริกไทยนิดหน่อย </li>
</ol>
<b><span style="color: #990000;"> วิธีทำ </span></b><br />
<ol>
<li>เมื่อเตรียมเครื่องปรุงเสร็จแล้วก็มาถึงขั้นตอนการทำ ก่อนอื่นนำคอหมูมาหมักกับซีอิ้วขาว เกลือ พริกไทย หมักทิ้งไว้สักพัก...แล้วก็นำมาย่างให้เนื้อหมูพอสุกแบบมันหยดนิดหน่อย แล้วก็นำคอหมูย่างมาแล่เป็นชิ้นบางๆพอคำ แล้วพักไว้ก่อน เพื่อมาทำน้ำจิ้มราด </li>
<li>วิธีการทำน้ำจิ้มก็เริ่มจากการนำพริกขี้หนูมาโขลกกับกระเทียมและน้ำตาลทรายให้ละเอียด แล้วปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำกระเทียมดอง เป็นว่าเสร็จได้น้ำจิ้มรสเด็ด ก็นำมาราดบนคอหมูย่างที่เตรียมไว้แล้ว และโรยหน้าด้วย สะระแหน่อีกนิดเพิ่มความหอม แค่นี้ก็จะได้หมูมะนาวรสชาติแซบหลาย ถูกใจคนชอบอาหารรสจัด </li>
</ol>
<b style="background-color: #f6b26b;">4.สันในหมูนึ่งมะนาว </b><br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม</span></b><br />
<ol>
<li>สันในหมู 1 เส้น</li>
<li>รสดีรสหมู 1 ช้อนชา</li>
<li>กระเทียม โทน 10 กลีบ</li>
<li>มะนาว 3 ผล </li>
<li>น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำตาลทรายแดง 1 ช้อนชา</li>
<li>พริกไทยป่น ½ ช้อนชา</li>
<li>พริกขี้หนูสับหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>กระเทียมกลีบเล็กสับหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>ผักกาดแก้ว สะระแหน่ โหระพา</li>
</ol>
<b><span style="color: #990000;"> วิธีทำ </span></b><br />
<ol>
<li>ผสมน้ำมะนาว 2 ชต.น้ำตาลทราย แดง พริกไทยป่น รสดีรสหมู คนให้เข้ากัน ใส่สันในหมูทั้งเส้นลงหมักทิ้งไว้ 1 ชม.ควรใช้ส้อมหรือไม้แหลมจิ้มรอบๆสันในเพื่อให้เครื่องปรุง ซึมเข้าในเนื้อ </li>
<li>วางสันในหมูลงในชามทนไฟ นึ่งในรังถึงที่น้ำเดือด ไฟกลางนาน 30 นาที ยกลงทิ้งไว้ให้เย็น ฝานเป็นแว่นบางๆ จัดเรียงลงในจานเสิร์ฟ </li>
<li>ราดด้วยส่วนผสมของน้ำปลา มะนาว พริกขี้หนู กระเทียมสับ กระเทียมโทน เสิร์ฟพร้อมกับผักต่างๆ เช่น ผักกาดแก้ว สะระแหน่ โหระพา และผักอื่นๆ ตามชอบ ฝานมะนาว 1 ลูกตามขวาง ประดับรอบจาน </li>
</ol>
<b style="background-color: lime;">เคล็ดลับความอร่อย </b><br />
<ul>
<li>เนื้อหมูที่ใช้ทำหมูมะนาว เช่น เนื้อหมูสันนอก,เนื้อหมูสันใน, เนื้อหมูตรงส่วนของคอหมู (แบบติดมันนิดๆ) เป็นต้น </li>
<li>การจะทำหมูมะนาวให้อร่อยนั้น เริ่มตั้งแต่วิธีการหั่นหมู ให้หั่นสไลซ์เนื้อหมูเป็นแผ่นบางๆ หากหั่นเนื้อหมูตามขวาง จะทำให้เคี้ยวลำบาก เพราะมีกากและเส้นใย แทนที่เนื้อหมูจะนุ่ม กลับเหนียว เคี้ยวไม่คล่อง </li>
<li>สูตรที่เรานำมาเสนอนี้ นอกจากสูตรน้ำราดปรุงรสแซ่บๆแล้ว ก็จะแตกต่างกันที่เทคนิควิธีการทำหมูให้สุก คือ บางสูตรก็จะหมักหมูก่อน เพื่อให้หมูนุ่มและรสอร่อย แล้วจึงนำไปลวกให้พอสุก …บางสูตรก็นำหมูไปย่างให้พอสุก …บางสูตรก็นำหมูไปนึ่งในรังถึงที่น้ำเดือดให้หมูสุก เสร็จแล้วจึงนำไปราดน้ำราดที่ปรุงเตรียมไว้…ซึ่งแต่ละสูตรนั้นก็มีความอร่อยไปคนละแบบ และเอาไว้เป็นไอเดียดัดแปลงการทำอาหารได้ ส่วนถ้าอยากรู้ว่าอร่อยแค่ไหน ก็ต้องลองมาทำตัดสินด้วยตัวเองแล้วล่ะครับ^^</li>
</ul>
<span style="color: #cccccc; font-size: x-small;"><br /></span><span style="color: #666666; font-size: xx-small;"><b>Credit: </b>http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2011/11/D11402569/D11402569.html</span><br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
</div>
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-88955650082100677762016-08-24T00:44:00.000-07:002016-09-22T07:20:23.902-07:00สูตรต้มข่าไก่ พร้อมเคล็ดลับวิธีทำต้มข่าไก่ให้อร่อย<b><br /></b>
<b>สูตร<span style="color: #bf9000;">ต้มข่าไก่</span></b> นั้นว่าไปแล้วก็คล้ายกับการทำต้มยำทั่วไป เพียงแต่ต้มข่าไก่จะมีการใส่กะทิเพิ่มลงไป ส่วนเครื่องปรุงอื่นๆ ก็คล้ายกับต้มยำ สำหรับวันนี้ Zabwer.com ได้นำสูตรต้มข่าไก่ พร้อมเคล็ดลับวิธีทำต้มข่าไก่ให้อร่อยมานำเสนอ ถือเป็นอีกเมนูอาหารไทยที่อร่อยครบรส มีไก่เนื้อนุ่ม รสชาติออกเปรี้ยว เค็ม และหวานมันจากกะทิ น้ำแกงไม่ข้นมากจนเกินไปและไม่ใสจนเกินไป จุดเด่นคือความมันเข้มข้นจากกะทิและหอมกลิ่นสมุนไพรไทย เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมรองจากต้มยำกุ้ง โดยเฉพาะในกลุ่มชาวต่างชาติ เพียงมีส่วนประกอบหลักคือ ไก่ เห็ด ชุดเครื่องต้มยำ และกะทิสักกล่องก็สามารถทำต้มข่าไก่แสนอร่อยได้แล้ว หรืออาจจะดัดแปลงใส่กุ้งแทนไก่ก็ได้เช่นกัน<br />
<div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiChyphenhyphen5kqLjBS0MwyFebEukIpq979qDdbI_EPlwgYrmEAaTItVsAA51DQZczq5YXdk6ZUQ-UlGzDH7WAhX7nXd8XSexTLebxHZ_UHRyHOmhaRBMO1iXZGvJZSISCEqxI_3MJDi7MjS3o4vTN/s1600/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2588%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A2.jpg"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiChyphenhyphen5kqLjBS0MwyFebEukIpq979qDdbI_EPlwgYrmEAaTItVsAA51DQZczq5YXdk6ZUQ-UlGzDH7WAhX7nXd8XSexTLebxHZ_UHRyHOmhaRBMO1iXZGvJZSISCEqxI_3MJDi7MjS3o4vTN/s400/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2595%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2588%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A2.jpg" width="400" /></a></div>
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสมต้มข่าไก่</span></b><br />
1. เนื้ออกไก่หั่นชิ้นพอคำ (แล้วแต่ปริมาณที่ต้องการใส่)<br />
2. ใบมะกรูด(จะหั่นหรือจะฉีกตอนจะใส่ลงหม้อก็ได้) 4 -6 ใบ<br />
3. เห็ดนางฟ้าหรือเห็ดฟาง 1/2 ถ้วย<br />
4. ตะไคร้ล้างสะอาด ทำการทุบหั่นเฉียง 1/2 ต้น<br />
5. ข่าอ่อน ทำการปอกเปลือกนำไปหั่นเป็นแว่นพอคำ 20 แว่น<br />
6. มะเขือเทศ 3 ลูก หั่นเป็นแว่นๆ<br />
7. หอมแดง<br />
8. พริกขี้หนูสวนให้ทุบแตก 5 เม็ด<br />
(ถ้าต้องการเผ็ดมากใส่เพิ่มได้…ถ้าไม่ทานเผ็ดใช้พริกจินดา)<br />
9. หางกะทิ 2 ถ้วย<br />
10. หัวกะทิ 1 ถ้วย<br />
11. เกลือป่น 1 ช้อนชา<br />
12. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ<br />
13. น้ำมะนาว 2-3 ช้อนโต๊ะ<br />
14. น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ<br />
15. ผักชี สำหรับโรยหน้า<br />
<br />
<span style="color: #990000;"><b>วิธีทำ</b></span><br />
<ol>
<li>หั่นเนื้อไก่และผักต่างๆตามสูตรเตรียมไว้ก่อนให้พร้อม</li>
<li>ตั้งกระทะหรือหม้อ ใส่หางกะทิลงไปและใส่เกลือเล็กน้อย ใช้ไฟแรงปานกลาง ต้องคอยคนเป็นระยะๆ ไม่ให้กระทิมันแตกมัน (กะทิจะเป็นลูกหรือแยกตัว)…คนจนมันเริ่มเดือด</li>
<li>แล้วจึงใส่ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูดลงไป (ใครมีรากผักชี ก็ทุบใส่เพิ่มลงไป) เคี่ยวไปประมาณ 5 นาที จนได้กลิ่นหอม</li>
<li>ใส่เนื้อไก่ลงไป ใช้ทัพพีกดไก่ให้มิดแต่ไม่ต้องคน รอให้เดือดอีกครั้ง</li>
<li>ใส่หัวกะทิ เห็ด และมะเขือเทศลงไป คนให้เข้ากัน …รอสักพักจนน้ำแกงเดือด</li>
<li>จากนั้นใส่พริกขี้หนูทุบลงไป (ถ้าไม่ทานเผ็ด ก็ไม่ต้องใส่พริกขี้หนู …ให้ใส่พริกจินดาเป็นเม็ดๆลงไปแทนก็ได้) คนให้เข้ากัน … แล้วปิดเตาได้</li>
<li>ปรุงรสเลย ใส่น้ำปลา น้ำมะขามเปียกหรือน้ำมะนาวก็ได้ และน้ำตาลทราย คนให้เข้ากัน…ชิมรสให้ออกเปรี้ยว เค็ม และหวาน กลมกล่อมจากกะทิ…(ค่อยๆปรุงใส่ทีละนิด ไม่อร่อยจึงเติมเพิ่ม แต่ถ้าใส่ทีละเยอะๆแล้วไม่อร่อยมันแก้ยาก)</li>
<li>เสร็จแล้วตักใส่ชาม โรยหน้าด้วยผักชีเล็กน้อย พร้อมเสิร์ฟทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ</li>
</ol>
<b><span style="color: blue;">ลักษณะที่ดีของต้มข่าไก่</span></b><br />
น้ำแกงต้องไม่แตกมัน ไก่เนื้อนุ่ม น้ำแกงไม่ข้นมากจนเกินไปและไม่ใสจนเกินไป<br />
<br />
<b style="background-color: lime;">เคล็ดลับวิธีทำต้มข่าไก่ให้อร่อย</b><br />
<ul>
<li><b>กรณีที่ต้มข่าไก่แล้วกะทิลอยแตกมัน </b>ที่ลอยเพราะปริมานน้ำมากกว่ากะทิ…ถ้าไม่ให้ลอย ต้องลดน้ำลงตอนต้มเหลือแค่ขลุกขลิกพอหรือใส่น้ำนิดเดียว แล้วจึงใส่กะทิ …แต่สำหรับสูตรที่เขาใช้กะทิล้วนๆ (หางกะทิ + หัวกะทิ) ก็มักจะไม่เกิดปัญหานี้จะได้น้ำแกงออกมาเนียน ซึ่งขึ้นอยู่กับสูตรของแต่ละคน …แต่ถ้าเกิดกรณีกะทิลอยแตกมันก็ลองนำเทคนิคนี้ไปปรับใช้ได้ครับ</li>
<li><b>เนื้อไก่</b> เช่น น่องไก่เล็ก, ปีกกลางไก่ (ส่วนนี้รับประทานง่าย เปื่อยเร็ว ให้น้ำซุปด้วย เพราะมีกระดูก สับครึ่ง ใช้ 6 – 7 อัน / 1 ชามใหญ่ ๆ), ถ้าใช้ส่วนอกหรือสะโพกก็หั่นเป็นชิ้นพอคำ (เนื้อไก่ควรเป็นส่วนของอกไก่ เพื่อความแน่นและกลมกล่อม) เป็นต้น</li>
<li><b>ข่า</b> จะใช้ข่าอ่อนหรือข่าแก่ก็ได้ …แต่ข่าอ่อนจะอร่อยกว่า …หั่นชิ้นเท่าๆกัน หรือหั่นเป็นดอกไม้</li>
<li><b>ตะไคร้ </b>หั่นแฉลบ แล้วแช่น้ำผสมน้ำมะนาวเพื่อให้สีคงตัว</li>
<li><b>มะเขือเทศ</b> จะใส่หรือไม่ก็ได้ตามชอบ แต่ถ้าอยากกินเพื่อสุขภาพก็แนะนำให้ใส่ลงไปด้วย</li>
<li>ควรใช้ไฟปานกลางในการประกอบอาหาร</li>
<li>ถ้าอยากให้น้ำแกงต้มข่าไก่มีสีออกเหลืองสวยสักหน่อย ก็ให้ใส่น้ำมันน้ำพริกเผาหรือน้ำพริกเผาลงไปด้วย</li>
<li><b>ถ้าต้องการรสเผ็ด </b>ให้ใส่พริกสด หรือน้ำพริกเผา หรือน้ำมันน้ำพริกเผาลงไปก็ได้ ปริมาณตามความชอบเผ็ด ส่วนพริกสดนั้นใช้เป็นพริกขี้หนูสวนทุบจะได้ความเผ็ดและความหอมจากพริกนี้ แต่ถ้าไม่ชอบเผ็ดก็ใส่เป็นพริกจินดา หรือพริกแห้งก็ได้</li>
</ul>
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
</div>
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-81170678599512342142016-04-12T22:57:00.006-07:002016-09-22T07:21:02.793-07:002 สูตรขนมเปียกปูน พร้อมวิธีทำขนมเปียกปูนให้อร่อยหอมหวาน<br />
"<span style="color: #274e13;"><b>ขนมเปียกปูน</b></span>" เป็นสูตรขนมไทยที่มีมาแต่โบราณ เป็นอีกเมนูขนมไทยที่ทำง่ายๆ แต่ก็มีความละเอียดอ่อนในการเลือกสรรวัตถุดิบ วิธีการทำที่พิถีพิถัน ขนมเปียกปูนนั้นมีรสชาติอร่อยหอมหวาน มีกลิ่นหอมๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ฉพาะตัว และมีสีสันสวยงาม ขนมเปียกปูนสีดำที่ได้จากกาบมะพร้าวเผา และสีเขียวที่ได้จากใบเตยกลิ่นหอมๆ โรยมะพร้าวลงไปอีกสักนิด จะทำให้อร่อยติดอกติดใจนั้นไม่ยากเลย แต่นับวันจะหารับประทานได้ยากขึ้น วันนนี้ Zabwer.com จึงได้นำขนมเปียกปูน 2 สูตรอร่อย พร้อมเคล็ดลับวิธีทำขนมเปียกปูนมาฝากครับ อีกขนมไทยอร่อยหอมหวาน เมนูขนมไทยทำง่ายๆ จะทำกินก็ได้หรือทำขายก็ได้ด้วยขนมเปียกปูนสูตรอร่อย ขนมเปียกปูนสูตรโบราณ 2 สูตรนี้<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjVmO5k7EOHBBgg4omNDZVNppyMYojTAkAGArpmX-cIvJ8F4Yy0nzv1eujOu49CWu5AF8WC7MzayMZyzprEo6pHdby2wNmhINTgALdEElzr-mStkCSmMNhjkwVAva7O9xIJkKUz1ryVapua/s1600/%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2599.jpg"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjVmO5k7EOHBBgg4omNDZVNppyMYojTAkAGArpmX-cIvJ8F4Yy0nzv1eujOu49CWu5AF8WC7MzayMZyzprEo6pHdby2wNmhINTgALdEElzr-mStkCSmMNhjkwVAva7O9xIJkKUz1ryVapua/s320/%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2599.jpg" /></a></div>
<br />
<span style="color: #274e13;"><b>1. ขนมเปียกปูน สูตรอร่อยทำง่ายๆ </b></span><br />
อีกสูตรขนมเปียกปูนสูตรอร่อยหวานหอมที่อยากแนะนำ จะทำกินเองหรือทำขายก็อร่อยไม่ผิดหวังครับ <br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม </span></b><br />
<ul>
<li>แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วยตวง </li>
<li>แป้งถั่วเขียว 2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li> แป้งท้าวยายม่อม 2 ช้อนโต๊ะ </li>
<li>แป้งมันสำปะหลัง 2 ช้อนโต๊ะ </li>
<li>น้ำตาลมะพร้าว ¾ ถ้วยตวง </li>
<li>น้ำตาลทราย ½ ถ้วยตวง </li>
<li>น้ำปูนใส 2 ½ ถ้วยตวง </li>
<li>น้ำใบเตยคั้นเข้มๆ ½ ถ้วยตวง </li>
<li>น้ำมันพืช </li>
</ul>
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสมมะพร้าวสำหรับโรยหน้า </span></b><br />
<ul>
<li>มะพร้าวทึนทึกขูดฝอย 1 ถ้วยตวง </li>
<li>เกลือป่นหยาบ ½ ช้อนชา </li>
</ul>
<b><span style="color: blue;">วิธีทำ </span></b><br />
<ol>
<li>ผสมแป้งทุกชนิดเข้าด้วยกัน ใส่น้ำตาลมะพร้าวและน้ำตาลทราย นวดให้เข้ากันประมาณ 10 นาที </li>
<li>ค่อยๆ เทน้ำปูนใสใส่ลงไปทีละน้อยจนหมด และใส่น้ำใบเตยคนให้เข้ากัน แล้วใช้ผ้าขาวบางกรองเอาแต่น้ำแป้ง </li>
<li>จากนั้นนำน้ำแป้งที่ได้เทใส่ในกระทะทอง …กวนไปทางเดียวกันจนกว่าแป้งเหนียว ประมาณ 30 นาที </li>
<li>เสร็จแล้วเทใส่ถาดหรือพิมพ์ (ที่ทาด้วยน้ำมันพืชบางๆ) พักให้เย็น …จากนั้นตัดแบ่งออกเป็นชิ้น โรยหน้าด้วยมะพร้าวทึนทึกผสมเกลือป่น จัดเสิร์ฟ </li>
</ol>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjdSz9-jB5ySqTd7hNsVRWZPpf7ZWOXxW1-BMylFuku_aZAos49s0Zw3ZKA5UuqD7Ify2LvLMorlb5gV6XxwpiqoXpLXPlAgW38nvuxD7rwEoDaxYLmlZMWCwJ6o725mKhvUXNNA8DvDIjs/s1600/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2593.jpg"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjdSz9-jB5ySqTd7hNsVRWZPpf7ZWOXxW1-BMylFuku_aZAos49s0Zw3ZKA5UuqD7Ify2LvLMorlb5gV6XxwpiqoXpLXPlAgW38nvuxD7rwEoDaxYLmlZMWCwJ6o725mKhvUXNNA8DvDIjs/s320/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2593.jpg" /></a></div>
<br />
<b><span style="color: #274e13;">2. ขนมเปียกปูนสูตรโบราณ </span></b><br />
ขนมเปียกปูนสูตรโบราณ สูตรนี้เป็นสูตรจากคุณสง่า สิงโต เจ้าของร้านขนมไทยโบราณต้นตำหรับประจำจังหวัดพิษณุโลกจากเว็บ Rakbankerd.com ที่สามารถทำกินเองหรือทำขายได้สบายๆ เป็นสูตรอร่อยหอมหวาน ที่พิถีพิถันในการเลือกวัตถุดิบและวิธีทำที่อาจใช้เวลาทำอยู่บ้าง แต่รับประกันความอร่อย<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi-fax20hbqci_l9coHjhook4uR1WBrhykgYNvStCr7ZzG5rxlYWc98tVa8H60ZuGqN_SlNZCW75dy0hBhlV_9qmThkA2uiCwVdrGd_3QSnNIsOYJVP3XmvSM9I38vckmCHOKtbXmh6xsqj/s1600/%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A2.jpg"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi-fax20hbqci_l9coHjhook4uR1WBrhykgYNvStCr7ZzG5rxlYWc98tVa8H60ZuGqN_SlNZCW75dy0hBhlV_9qmThkA2uiCwVdrGd_3QSnNIsOYJVP3XmvSM9I38vckmCHOKtbXmh6xsqj/s320/%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A2.jpg" /></a></div>
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม </span></b><br />
<ol>
<li>แป้งข้าวเจ้า 4 ถ้วยตวง </li>
<li>แป้งมัน 2 ช้อนโต๊ะ </li>
<li>น้ำปูนใส 1 ถ้วยตวง </li>
<li>น้ำตาลปีบ 3 ถ้วยตวง </li>
<li>น้ำเปล่า 8 ถ้วยตวง </li>
<li>มะพร้าวทึนทึก 1 ผล </li>
<li>ใบตาลเผาไฟหรือกาบมะพร้าวเผาไฟ 3 กาบ (แต่วันนี้คุณยายใช้ใบตาลเผาไฟเพราะคุณยายบอกว่ามันจะหอมกว่า) </li>
</ol>
<div style="text-align: center;">
<span style="color: blue;"><b> </b></span><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhid8a2ulbjkgNsQnU16s8Ar710xbx4RqWFE6NkB0WYSyururuHSP9ilUZpEEAcSx_Ei017bPkkWkJ80zRUqevBteTC1qEF6R7TFPGmkzIje8_Qr6ewPVdeGdc3tV9hrMkOX_ZOXAdeAK6y/s1600/%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2593.jpg"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhid8a2ulbjkgNsQnU16s8Ar710xbx4RqWFE6NkB0WYSyururuHSP9ilUZpEEAcSx_Ei017bPkkWkJ80zRUqevBteTC1qEF6R7TFPGmkzIje8_Qr6ewPVdeGdc3tV9hrMkOX_ZOXAdeAK6y/s320/%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2593.jpg" /></a></div>
<br />
<span style="color: blue;"><b>วิธีทำ</b></span><br />
<ol>
<li> ผสมแป้งทั้งสองชนิดเข้าด้วยกัน ผสมน้ำปูนใส น้ำเปล่า และน้ำตาลกรองด้วยผ้าขาวบาง </li>
<li>กาบมะพร้าวที่เผาแล้วละลายน้ำที่เหลือ กรองด้วยผ้าขาวบาง ผสมลงในแป้งให้มีสีดำ </li>
<li>กวนแป้งในกระทะทอง หรืออะลูมิเนียมสำหรับทำขนมก็ได้ กวนจนเหนียว เกือบแห้ง ซึ่งอาจจะใช้เวลาแตกต่างกันตามสูตรนี้แนะนำให้เคี่ยวเตาถ่าน และจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ครึ่งขึ้นไป แต่ถ้ากวนขายแบบคุณยายในปริมาตรเดียวกันจะใช้เวลากวน3 ชั่วโมงอย่างน้อยกว่าขนมจะเหนี่ยวเข้าที่ </li>
<li>ตักใส่ถาดพิมพ์ ทิ้งไว้ให้เย็น จะตัดเป็นชิ้นหรือแกะออกจากพิมพ์ก็ได้</li>
<li> ใช้มะพร้าวขูดเป็นเส้น คลุกกับเกลือป่นเล็กน้อย โรยบนขนมเป็นอันเสร็จ </li>
</ol>
<span style="background-color: lime;"><b>เคล็ดลับความอร่อย วิธีการทำขนมเปียกปูน </b></span><br />
<ul>
<li>ถ้าเป็นเปียกปูนสีดำใช้น้ำปูนใส 3 ถ้วยตวง และเปลี่ยนจากน้ำใบเตยเป็นขี้เถ้าจากกาบมะพร้าว (ปริมาณแค่พอให้แป้งเป็นสีเทาไม่ต้องดำมาก) </li>
<li>น้ำปูนที่ใช้ควรแช่ไว้อย่างน้อย 3 วัน โดยใช้อัตราส่วนของปูนแดงหรือปูนขาว 1 ส่วน ต่อ น้ำ 3 ส่วน แช่ในภาชนะพลาสติก หรือภาชนะเคลือบก้อได้ น้ำทีใช้จะเป็นน้ำที่เราตักเอาแต่ใสๆ </li>
<li>เทคนิคการกวนที่ถูกวิธีคือกวนไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อจะได้แป้งที่เหนียว </li>
</ul>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-16831995798570459312016-04-11T01:39:00.000-07:002016-09-22T07:22:17.504-07:00สูตรปูกะตอยทอดสมุนไพร เมนูอาหารว่าง หวานกรอบรสเด็ด<br />
สูตรอาหารไทย "<b><span style="color: #990000;">ปูกะตอยทอดสมุนไพร</span></b>" หรือ "<b><span style="color: #990000;">ปูกะตอยทอดกรอบ</span></b>" อีกหนึ่งเมนูอาหารว่างที่ทำง่ายๆ แต่รับรองว่าอร่อยรสเด็ดแน่นอนลองได้รับประทานแล้วจะอร่อยติดใจ ปูกะตอยทอดสมุนไพรเป็นการนำปูกะตอยมาคลุกเคล้ากับส่วนผสมและชุบแป้งทอด แล้วก็ทอดจนสุกเหลืองพอดี เพียงเท่านี้ก็ได้เมนูปูกะตอยทอดกรอบมารับประทานแล้ว วันนี้เราจึงได้นำสูตรเด็ดและวิธีทำปูกะตอยทอดสมุนไพรมาฝากครับ จะทานคู่กับข้าวสวยหรือข้าวเหนียวก็ได้ หรือจะทานเป็นเมนูอาหารว่างทานเล่น หรือกินเป็นกับแกล้ม หรือทานคู่กับส้มตำก็อร่อยรสเด็ด<br />
<br />
<div class="separator" style="clear: both; text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgJZy0rIxNGVEAxsPvDSnEv2ITpoO0HDUeMAWTFEejA4gutKrSHV4RVsb93ux8tRZAtn8sVpj60FfjCSnYR6lF7FZIdt_Zj89E22FpHlKQioHntGmNGWETzapRo63-SiupCC1d3Lxj-Z73p/s1600/%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3_%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%259A.jpg" imageanchor="1" style="margin-left: 1em; margin-right: 1em;"><img border="0" height="216" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgJZy0rIxNGVEAxsPvDSnEv2ITpoO0HDUeMAWTFEejA4gutKrSHV4RVsb93ux8tRZAtn8sVpj60FfjCSnYR6lF7FZIdt_Zj89E22FpHlKQioHntGmNGWETzapRo63-SiupCC1d3Lxj-Z73p/s320/%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B8%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3_%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%259A.jpg" width="320" /></a></div>
<br />
<b><span style="color: blue;">ส่วนผสม </span></b>(สำหรับ 3 ที่)<br />
<ol>
<li>ปูกะตอย 500 กรัม</li>
<li>น้ำพริกแกงเผ็ด 2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>ใบมะกรูดหั่นหยาบๆ 10 ใบ</li>
<li>ตะไคร้ซอย 3 ต้น</li>
<li>ข่าสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>แป้งทอดกรอบ ½ ถ้วย</li>
<li>น้ำเปล่า ½ - ¾ ถ้วย</li>
<li>น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา</li>
<li>น้ำมันพืชสำหรับทอด 3 ถ้วย</li>
</ol>
<b><span style="color: blue;">วิธีทำ</span></b><br />
<ol>
<li>ล้างปูกะตอยให้สะอาด เคล้าเกลือเล็กน้อย พักไว้ ล้างอีกครั้งให้สะอาด ใส่ตะแกรง พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ</li>
<li>ค่อยๆ ใส่น้ำผสมกับแป้งทอดกรอบพอชุบปูติด อย่าให้แป้งเป็นเม็ด ใส่น้ำพริกแกงเผ็ด คนให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาล ใส่สมุนไพร คนให้เข้ากัน</li>
<li>ตั้งกระทะน้ำมันใช้ไฟปานกลางให้ร้อน นำปูลงชุบแป้งแล้วทอดให้เหลืองกรอบ ตักขึ้น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ สามารถรับประทานเป็นกับข้าวหรือเสิร์ฟเป็นอาหารกินเล่นก็ได้ทั้งนั้น</li>
</ol>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-759685884653296342016-03-29T02:10:00.001-07:002016-09-22T07:22:49.011-07:00สูตรข้าวผัดปู พร้อมเคล็ดลับการทำข้าวผัดปูให้อร่อย เหมือนร้านดังๆ<br />
"<b><span style="color: #b45f06;">ข้าวผัดปู</span></b>" (Thai Fried rice with crabmeat) เมนูอาหารตามสั่ง อีกเมนูข้าวผัดแสนอร่อย ยิ่งผู้ที่ชื่นชอบเนื้อปูด้วยแล้วก็คงติดอกติดใจในรสชาติได้ไม่ยาก ด้วยเนื้อปูนั้นมีรสชาติหอมหวานอร่อย ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนกับเนื้อสัตว์ประเภทอื่น แต่ทว่าราคานั้นก็ค่อนข้างจะสูงอยู่สักหน่อย สำหรับใครที่กำลังมาหาสูตรข้าวผัดปูแสนอร่อยอยู่ ห้ามพลาด!! วันนี้ Zabwer.com ได้นำสูตรข้าวผัดปู พร้อมเคล็ดลับวิธีทำข้าวผัดปูให้อร่อยเหมือนร้านดังๆมาฝากไว้ที่นี่แล้ว ...ใครทำข้าวผัดปูให้อร่อยนั้นทำยากนักหนา ถ้าลองได้มีสูตรเด็ดๆ พร้อมเคล็ดลับดีๆ แบบนี้ ก็ไม่ต้องเสียเวลาตามหาร้านข้าวผัดปูอร่อย ๆ อีกต่อไปแล้ว (^__^) สามารถทำรับประทานเองได้ที่บ้าน อิ่มอร่อยทั้งครอบครัว ที่มีสูตรและวิธีทำข้าวผัดปูให้อร่อยตามนี้เลย<br />
<div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhv3jmcIZ4e_mSnJ_4ENgniQWRJw0U0lKcac9oQ9GgAK5h-TEf9pt-EVXiNar5RKMVJfXsxb3EUBnh8Psazs_9zfsG_ovFYMRXS7c9LzngHeykz_8F_FhhyphenhyphenpUbMeZ7CJJZV40Ln37pxLpg-/s1600/%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B9.png"><img border="0" height="342" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhv3jmcIZ4e_mSnJ_4ENgniQWRJw0U0lKcac9oQ9GgAK5h-TEf9pt-EVXiNar5RKMVJfXsxb3EUBnh8Psazs_9zfsG_ovFYMRXS7c9LzngHeykz_8F_FhhyphenhyphenpUbMeZ7CJJZV40Ln37pxLpg-/s400/%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B9.png" width="400" /></a></div>
</div>
<div>
<br />
<b><span style="color: #990000;">เครื่องปรุงและส่วนผสม </span></b>(สำหรับ 2 ที)<br />
<ol>
<li>ข้าวสวย 2 ถ้วยตวง</li>
<li>เนื้อปูนึ่งแกะเป็นชิ้น 1 ถ้วยตวง</li>
<li>หอมใหญ่หั่นแว่น1/2 ลูก </li>
<li>ต้นหอมซอย 2 ต้น</li>
<li>แครอทหั่น</li>
<li>ไข่ไก่ 1 ฟอง</li>
<li>กระเทียมสับ 1/2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>ซิอิ๊วขาว 1 ช้อนชา</li>
<li>ซ๊อสปรุงรส 1 ช้อนชา</li>
<li>น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา</li>
<li>พริกไทยป่น ½ ช้อนชา</li>
<li>แตงกวาหั่นเป็นชิ้น, มะนาวหั่น, ต้นหอม 3 ต้น (ทานเป็นผักแกล้ม)</li>
</ol>
<div style="text-align: center;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgDknjr1U_Wj0HGWouog22YLs9zpA2f7MezjTuKktBxnzTZBa235Y99nlI7q136Fs9ys6z2e4oh0W6WoCwwuAWhLWd6yM4j_ht4D9ivCKhaEOV0qiieXu93oaZXliXOE7lxHsokNCwM5U0f/s320/%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2598%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2582%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B9%25E0%25B9%2583%25E0%25B8%25AB%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A2.png" /></div>
<div>
<b><span style="color: blue;">วิธีทำ</span></b><br />
<ol>
<li>ตั้งกระทะไฟแรงปานกลาง ใส่น้ำมันถั่วเหลืองเล็กน้อย และผสมเนยเพื่อให้หอมพอเนยละลาย ใส่กระเทียมลงไปผัดจนเหลืองหอม </li>
<li>ใส่ไข่ไก่ที่เราตีให้เข้ากันในถ้วยไว้แล้วลงไปใช้ตะหลิวยีไข่ จากนั้นใส่ข้าวสวยลงไปผัดให้เข้ากัน</li>
<li>ใส่หัวหอมใหญ่, เนื้อปู แครอทหั่น และต้นหอมซอย ลงไปผัดคลุกเคล้ากัน ปรุงรสด้วย ซิอิ๊วขาว, ซ๊อสปรุงรสและน้ำตาล ผัดให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน จึงปิดไฟ</li>
<li>ตักใส่จาน เหยาะพริกไทยโรยหน้านิดหน่อย เสริฟทันทีขณะร้อนพร้อมแตงกวา, ต้นหอม, มะนาวและพริกน้ำปลา</li>
</ol>
<br />
<b style="background-color: lime;">เคล็ดลับการทำข้าวผัดปูให้อร่อยเหมือนร้านดังๆ</b><span style="background-color: white;"> </span>นั้นมีดังนี้<br />
<ul>
<li>การที่จะทำให้ข้าวผัดทุกชนิดอร่อยไม่เฉพาะแต่ข้าวผัดปู นั้นเริ่มจาก<b>ควรใช้ข้าวที่หุงออกมาแล้วเป็นเม็ดสวย ยังแข็งอยู่ ไม่บานออก</b> และที่สำคัญคือควรจะพักข้าวที่หุงสุกแล้วให้เย็นสนิทเสียก่อน เพื่อที่ข้าวผัดจะได้ไม่แฉะนั่นเอง (ถ้าหุงข้าวแล้วเย็นไม่ทัน จะใช้พัดลมช่วยเป่าให้เย็นก็ได้) …หรือจะใช้เป็นข้าวเก่า ก็จะยิ่งดี </li>
<li>“<b>วิธีการหุงข้าว</b>” เพื่อใช้ทำข้าวผัดคือ สำหรับข้าวสารใหม่ต้องใส่น้ำน้อยเพราะข้าวยังมีความชื้นอยู่มาก …แต่ถ้าเป็นข้าวเก่าต้องใส่น้ำให้ท่วมข้าวหนึ่งองคุลี หุงแบบไม่เช็ดน้ำ หรือนึ่งก็จะได้ข้าวสวยที่เป็นเม็ดสวยมีคุณค่าสูง …เมื่อสุกใหม่ร้อนๆ (ทั้งแบบที่ใช้ข้าวสารเก่าและใหม่) ต้องนำไปเกลี่ยใส่ถาดให้ข้าวเย็นเสียก่อน จึงนำมาผัด ข้าวจะไม่เกาะตัวเป็นก้อน …แต่ถ้าใช้เป็นข้าวกล้องเพื่อนำมาทำข้าวผัดนั้น มีวิธีหุงคือต้องใส่น้ำมาก เพราะข้าวกล้องดูดน้ำได้ดี แต่เมื่อสุกทิ้งให้เย็นแล้วต้องผัดเลย ไม่ควรนำข้าวกล้องที่ทิ้งไว้นานมาผัด เพราะข้าวสวยที่หุงจากข้าวกล้องจะบูดง่ายกว่าข้าวสวยที่หุงจากขัาวขาว</li>
<li>“<b>กระทะ</b>” เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญในการทำข้าวผัดเลยทีเดียว กระทะเหล็กรับความร้อนได้เร็วและดี แต่ข้าวจะติดกระทะ ต้องผัดเร็วๆเหมาะสำหรับแม่ครัวที่ชำนาญในการผัดขัาว เพราะข้าวผัดที่ได้จะมีกลิ่นหอม ถ้าเป็นแม่ครัวมือใหม่ต้องใช้กระทะเทฟล่อน แต่กลิ่นหอมจะสู้ข้าวที่ผัดจากกระทะอะลูมิเนียม กระทะเหล็ก หรือกระทะเหล็กเคลือบไม่ได้ </li>
<li><b>การทำข้าวผัดปูกลิ่นของเนื้อปูต้องเด่น</b> การเลือกปูสดมาทำคือ ใช้เป็นส่วนเนื้อปูจะให้กลิ่นที่หอมกว่าก้ามปู …ควรเลือกใช้เนื้อปูนึ่ง เพราะมีกลิ่นหอมกว่าเนื้อปูต้ม (เวลานำมาผัดจะทำให้รสชาติอร่อยกว่า)</li>
<li><b>เทคนิคการทำเนื้อปูนึ่ง ...เมื่อใช้ทำข้าวผัดปู</b> คือใช้ปูสดใหม่ 1 กิโลกรัม นำไปล้างน้ำและใช้แปรงถูให้สะอาด เตรียมลังซึ้ง(หม้อนึ่ง) สำหรับนึ่งต้มน้ำให้เดือดเสียก่อน …แล้วจึงนำขิงทุบ 2 หัว และหอมทุบ 1 กำมือ มารองก้นหม้อนึ่ง …จากนั้นจึงเอาเนื้อปูวางทับแล้วเอาเหล้า 2 ช้อนโต๊ะเทราดบนเนื้อปู …นึ่งนาน 10 นาที จนปูสุกเปลี่ยนสี …เอาออกมาตั้งคลายร้อนก่อน แล้วจึงค่อยแกะเอาเนื้อปูมาไว้ทำข้าวผัด</li>
<li><b>ใช้หอมใหญ่แทนกระเทียม</b> เพราะหอมใหญ่จะทำให้ข้าวผัดนั้นหอมกว่าการใช้กระเทียม</li>
<li><b>การทำข้าวผัดปูไม่ควรปรุงรสด้วยน้ำปลา หรือน้ำมันหอย </b>เพราะนั่นจะทำให้ข้าวผัดปูเสียรสชาติ แถมสีของข้าวผัดก็จะคล้ำ ไม่สวยด้วยค่ะ ให้ใช้เกลือป่นแทน</li>
<li><b>ใส่น้ำส้มสายชู</b> เพื่อให้ข้าวผัดปูมีเม็ดขาว ใส และเพิ่มความกลมกล่อมให้กับรสชาติข้าวผัดด้วย</li>
</ul>
</div>
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-88297185936078301902016-03-27T22:42:00.000-07:002016-09-22T07:23:23.863-07:002 สูตรข้าวผัดกระเพราหมูชิ้น พร้อมวิธีผัดกระเพราให้อร่อย<br />
"<b>กระเพราะหมู</b>" ที่ไม่วาจะเป็น "<b><span style="color: #b45f06;">กระเพราหมูชิ้น</span></b>"หรือ "<b>กระเพราหมูสับ</b>" อีกเมนูอาหารตามสั่งยอดฮิตที่คนทั่วไปนิยมสั่งมารับประทาน ด้วยรสชาติความอร่อยแซ่บที่ถูกปากถูกใจสไตล์อาหารไทย มีรสจัดจ้านออกเผ็ดนิดๆ เค็มหวานกลมกล่อม และมีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษ์จากใบกระเพรา ที่เดี๋ยวนี้ถ้าสั่งตามร้านอาหารจานหนึ่งก็ค่อนข้างมีราคาแพงอยู่เหมือนกัน และที่ผัดกระเพราเหมือนกันแต่อร่อยต่างกัน ก็เพราะมีสูตรเด็ดเคล็ดลับความอร่อยในการผัดกระเพราหมูอยู่บ้าง วันนี้ Zabwer.com จึงขอนำเสนอเมนู<b> 2 สูตรข้าวผัดกระเพราหมูชิ้น พร้อมวิธีผัดกระเพราให้อร่อย</b>มาฝากครับ เป็นอีกสูตรอร่อยแซ่บเวอร์ สามารถทำเองได้ง่ายๆ เลย อิ่มอร่อยได้ทั้งครอบครัวในราคาประหยัด ที่มีสูตรและขั้นตอนตามนี้เลย<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">สูตรที่ 1 </span>ผัดกระเพราหมูชิ้นราดข้าว หมูหมักเนื้อนุ่มอร่อย</b><br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEihj1FjyjUOuX2vBGA98WB7hyphenhyphenHxgU_izga6x-55oexpd9L0XTk6JSqZ03A6suFaNvhfSRRz3z116DNqNawpd9ZV11Qv2dwytuBYdOOYNVB6gEU6hKZ-vKr9WgUBekZZsNrwnBYFDjcT8FV5/s1600/%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2599.jpg"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEihj1FjyjUOuX2vBGA98WB7hyphenhyphenHxgU_izga6x-55oexpd9L0XTk6JSqZ03A6suFaNvhfSRRz3z116DNqNawpd9ZV11Qv2dwytuBYdOOYNVB6gEU6hKZ-vKr9WgUBekZZsNrwnBYFDjcT8FV5/s400/%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2599.jpg" /></a></div>
<br />
<b><span style="color: blue;">ส่วนประกอบ (สำหรับ 2-3 ที่)</span></b><br />
<ol>
<li>เนื้อหมูสันนอกหั่นเป็นชิ้นพอคำ 300 กรัม</li>
<li>ไข่ไก่ 1 ฟอง </li>
<li>ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>เกลือป่น 1/2 ช้อนชา </li>
<li>น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา</li>
<li>กระเทียม 10 กลีบ </li>
<li>พริกขี้หนู 7 เม็ด </li>
<li>น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>ซอสหอยนางรมอีก 1 ช้อนโต๊ะ </li>
<li>น้ำปลา 1 ช้อนชา </li>
<li>ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา </li>
<li>น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ </li>
<li>ใส่ใบกระเพรา 1 ถ้วยตวง (หรือเพอ่มปริมาณตามชอบ)</li>
<li>พริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ 1 เม็ด</li>
</ol>
<b><span style="color: blue;">วิธีทำ </span></b><br />
<ol>
<li>หมักเนื้อหมูกับ ไข่ไก่ ซอสหอยนางรม เกลือป่น น้ำตาลทราย นำมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้ 30 นาที </li>
<li>นำกระเทียมกับพริกขี้หนูมาโขลกรวมกันพอแหลก ตักใส่ถ้วย พักไว้</li>
<li>ตั้งกระทะไฟกลางใส่น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ ใส่พริกกับกระเทียมที่โขลกไว้แล้วลงไปผัดพอหอม จึงใส่ซอสหอยนางรมอีก 1 ช้อนโต๊ะ ผัดจนหอมดีแล้ว…ค่อยใส่หมูหมัก (ข้อ1) ลงไปผัดจนหมูเริ่มสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลา 1 ช้อนชา, ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา, เติมน้ำเปล่าลงไปประมาณ 3 ช้อนโต๊ะพอให้ขลุกขลิก ผัดให้เข้ากัน ชิมรสดูปรับแต่งตามชอบ </li>
<li>แล้วค่อยใส่ใบกระเพรา และพริกชี้ฟ้าหั่นแฉลบ ผัดพอเข้ากันอีกที…แล้วตักใส่จาน หรือตักราดข้าวสวยร้อนๆ พร้อมรับประทาน</li>
</ol>
<b><span style="color: #990000;">สูตรที่ 2 </span>ผัดกระเพราหมูชิ้นราดข้าว สูตรอร่อย ทำง่ายๆ</b><br />
เป็นสูตรจากคุณ Samanthasmommyสมาชิกเว็บบล็อกแก็งดอทคอม ต้องขอขอบคุณเจ้าของสูตรมากครับสำหรับสูตรอร่อยและทำได้ง่ายๆครับ สูตรนี้<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhQeokobuxjDhl1LMlYA3680hlP_443klsm-k_ePRI_9VUUDHY0jafHtB5eh9xvSXnopOARvrGqRh5sW2WHAfUB0NBfTRD5o6NY0RgAWq5mzWTrUkHQQ8BhOGGGGYFlC7C4sRVTTx387K2-/s1600/%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2599.jpg"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhQeokobuxjDhl1LMlYA3680hlP_443klsm-k_ePRI_9VUUDHY0jafHtB5eh9xvSXnopOARvrGqRh5sW2WHAfUB0NBfTRD5o6NY0RgAWq5mzWTrUkHQQ8BhOGGGGYFlC7C4sRVTTx387K2-/s400/%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%25B4%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2599.jpg" /></a></div>
<br />
<b><span style="color: blue;">ส่วนประกอบ (สำหรับ 1 ที่)</span></b><br />
<ol>
<li>ข้าวสวย 1 ถ้วยตวง</li>
<li>เนื้อหมูหั่นเป็นชิ้นบางๆพอคำ 130 กรัม</li>
<li>พริกสดหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ 3 ถึง 4 เม็ด</li>
<li>กระเทียมสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>ซอสน้ำมันหอย 2 ช้อนชา</li>
<li>ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนชา</li>
<li>น้ำตาล เศษ 1 ส่วน 3 ช้อนชา</li>
<li>น้ำปลา ครึ่ง ช้อนชา</li>
<li>ใบกระเพราสับหยาบ 3 ช้อนโต๊ะ (ถ้าไม่มีกระเพราไทยให้ใช้กระเพราฝรั่งแบบดิฉันได้)</li>
<li>ซีอิ้วดำ 1 ช้อนชา</li>
<li>น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ</li>
</ol>
<span style="color: blue;"><b>วิธีทำ</b></span><br />
<ol>
<li>ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมันลงไป พอน้ำมันร้อนให้ใส่กระเทียมและพริกสดตามลงไปผัดให้กระเทียมหอมและเหลืองนิดๆ</li>
<li>ใส่เนื้อหมูตามลงไปและผัดให้เนื้อหมูเกือบสุก</li>
<li>ใส่ซอสน้ำมันหอย, ซอสถั่วเหลือง, น้ำปลา, ซีอิ้วดำ และน้ำตาล ผัดให้ส่วนผสมเข้ากัน ให้เติมน้ำหรือน้ำซุปได้นิดหน่อยเพื่อให้ผัดมีน้ำคลุกคลิก</li>
<li>ในขั้นตอนสุดท้ายให้ปิดไฟเตาและใส่ใบกระเพราสับตามลงไป ผัดให้ส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง </li>
<li>ตักผัดกระเพราราดบนข้าวสวยที่เตรียมไว้ เสิร์ฟทันที</li>
</ol>
<b style="background-color: lime;"><br /></b>
<b style="background-color: lime;">เคล็ดลับวิธีทำผัดกระเพราให้อร่อย</b><br />
· <b>สำหรับทำผัดกระเพราหมูชิ้น </b>ควรเลือกใช้เนื้อหมูสันนอก (เนื้อหมูจะนุ่มไม่กระด้าง) และนำหมูหั่นชิ้นไปหมักก่อน (สัก 30 นาที) …เพื่อให้เนื้อหมูนุ่มน่ารับประทานและอร่อยยิ่งขึ้น<br />
<br />
· <b>อีกวิธีผัดกระเพราให้อร่อย</b> คือเ เริ่มจากพริกขี้หนูสวนตำกับกระเทียม ลงผัดในกระทะน้ำมันไม่มาก…ใส่หมูหมักลงไปผัด…พอหมูเริ่มสุก เติมน้ำซุปนิดนึงไม่ให้มันแห้งมากไป ใส่น้ำปลาพอมีกลิ่น ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทรายหน่อย…เร่งไฟแรง ใส่ใบกะเพรา น้ำมันหอย ซีอิ๊วดำ (ซีอิ๊วดำใส่นิดหน่อยเพื่อเพิ่มสีสัน) ผัดให้เข้ากัน…ปิดไฟตักพร้อมเสิร์ฟ<br />
<br />
· สิ่งสำคัญคือ <b>ความหอมของใบกระเพรา</b> ให้เลือกกะเพราใบเล็กและมีดอกติดมาด้วยเท่านั้น เพราะจะให้กลิ่นหอมมากกว่ากระเพราใบใหญ่…แต่ถ้าจะให้ดีเลือกเป็นใบกะเพราแดงได้จะดีมาก (แต่สมัยนี้หาไม่ค่อยได้แล้ว) เพราะหอมเยอะกว่ากระเพราขาว (ก็คือใบเขียวๆ อย่างที่เห็นทั่วไปตามท้องตลาดนั่นละ)<br />
<br />
· ควรเลือกใช้เป็น<b>พริกขี้หนูสวน</b>เพราะหอมกว่า หรืออาจจะใส่พริกขี้หนูสวนลงไปก่อน และตามด้วยพริกขี้หนูแดง ( ที่ใช้ตำส้มตำ ) ก็ได้ ก็จะผัดได้หอมฉุยเช่นกัน<br />
<br />
· ควรเลือกใช้เป็น<b>กระเทียมไทยกลีบเล็ก</b> เพราะมีกลิ่นหอมมากกว่ากระเทียมกลีบใหญ่<br />
<br />
· <b>ซอสปรุงรส...</b>ต่างยี่ห้อกันรสชาติก็ต่างกันแล้ว ...ดังนั้นควรเลือกที่คุณภาพค่อนข้างดี<br />
<br />
<div class="MsoNoSpacing">
<span style="color: #666666;">Credit: </span><span style="font-family: "cordia new" , "sans-serif"; font-size: 14.0pt;"><span style="color: #666666;">bloggang.com/mainblog.php?id=samanthasmommy&month=03-10-2015&group=7&gblog=100</span><o:p></o:p></span></div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-66049192983581660722016-03-03T20:48:00.000-08:002016-09-22T07:24:00.768-07:00ปีกไก่ทอดน้ำปลาสูตรเด็ด เมนูอาหารทำง่ายๆ<br />
"<b><span style="color: #990000;">ปีกไก่ทอดน้ำปลา</span></b>" เมนูไก่ทอดที่ทำทานเมื่อไรก็แสนอร่อย อีกเมนูอาหารทำง่ายๆ จะทานคู่กับข้าวสวยหรือข้าวเหนียวก็ได้ หรือจะทานเป็นเมนูอาหารว่างทานเล่น หรือกินแกล้มกับเบียร์ก็อร่อยเพลินเลย<br />
เชียว สำหรับปีกไก่ทอดน้ำปลาสูตรเด็ดที่นำมาฝากนี้ มีส่วนผสมน้อยมากและวิธีทำก็แสนง่าย แต่ที่สำคัญยังไงรสชาติต้องอร่อยเด็ดแน่นอน วันไหนนึกเมนูอาหารไม่ออกก็เข้าครัวทำปีกไก่ทอดน้ำปลาก็ได้ครับ อิ่มอร่อยทั้งครอบครัวในราคาสบายกระเป๋า ที่มีสูตรและขั้นตอนตามนี้เลย<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<img border="0" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEixhRmwvbSDRHl0exvFctJ1PMrAwiXrtbsI-_XY4hI4kZL8WFUYwujdTCuZczOkfSEAL4snyHCyskbKjXyeJ2eh2_Gr0RfmWv1kmQidVKafgijXfyXAEki_kSEoyo4Yo78bAd75CS0r37ax/s400/%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25B5%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%2597%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2_Fried+chicken+wing+sauce.jpg" width="400" /></div>
<span style="color: blue;"><b>ส่วนผสม</b></span><br />
<ol>
<li>ปีกไก่ 10-12 ชิ้น</li>
<li>น้ำปลา (ใช้หอยเป๋าฮื้อค่ะ) 2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>แป้งทอดกรอบ (ใช้ยี่ห้อโกกิ หรืออังเคิ้ลบานส์) 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำมันพืชสำหรับทอด (เยอะหน่อยนะครับ) </li>
</ol>
<b><span style="color: blue;">วิธีทำ</span></b><br />
<ol>
<li>นำปีกไก่มาล้างทำความสะอาด เสร็จแล้วใช้มีดบั้งไก่ทั้งสองด้าน ด้านละ 2 บั้ง</li>
<li>นำปีกไก่ไปหมักด้วยน้ำปลา คลุกเคล้าให้เข้ากันจนทั่วชิ้นไก่ หมักทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาที (ถ้ามีเวลาก็หมักไว้สัก 3 ชั่วโมงก็ได้)</li>
<li>หมักไก่ครบ 30 นาทีแล้ว ให้โรยแป้งทอดกรอบลงบนปีกไก่ จากนั้นก็คลุกเคล้าให้เข้ากัน</li>
<li>ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชลงไป ใช้ไฟปานกลาง รอจนกระทั่งน้ำมันร้อน จากนั้นเอาปีกไก่ที่คลุกแป้งทอดกรอบไว้ ลงไปทอด ให้สุกเหลืองกรอบ</li>
<li>เสร็จแล้วตักขึ้นพักไว้ ให้สะเด็ดน้ำมันค่…จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟจะรับประทานคู่กับข้าวสวย หรือข้าวเหนียวก็ได้ </li>
</ol>
<b style="background-color: lime;">แนะนำเพิ่มเติม</b><br />
<ul>
<li>ความเค็มของน้ำปลาแต่ละยี่ห้อนั้นไม่เท่ากัน และแต่ละคนก็ชอบความเค็มไม่เท่ากันด้วย</li>
<li>การหมักไก่ ยิ่งหมักไว้นานก็จะช่วยทำให้เส่วนผสมซึมเข้าสู่เนื้อไก่ได้มากขึ้น ทำให้ไก่มีรสชาตติอร่อยยิ่งขึ้น …ควรหมักแช่ไว้ในตู้เย็น (ช่องแช่เย็นธรรมดา) อย่างน้อยสัก 30 นาที หรือหลายชั่วโมงได้ยิ่งดี … หรืออาจใช้ซ้อมจิ้มๆที่ผิวไก่ด้วยก็ได้ ก็จะช่วยทำให้ส่วนผสมซึมเข้าเนื้อไก่ได้ดียิ่งขึ้น</li>
</ul>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-72917439495864360312016-03-03T02:17:00.000-08:002016-09-22T07:24:39.655-07:00มะม่วงน้ำปลาหวานสูตรแซ่บ เมนูทำง่ายๆ ด้วยไมโครเวฟ"<b><span style="color: #e69138;">มะม่วงน้ำปลาหวาน</span></b>" แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกน้ำลายสอขึ้นมาทันที อีกเมนูอาหารว่างรสแซ่บอร่อยถูกปากถูกใจสไตล์อาหารไทย รับประทานได้เรื่อยๆไม่รู้เบื่อ แต่เมื่อนึกหิวมะม่วงน้ำปลาหวานขึ้นมา ส่วนใหญ่แล้วก็มักจะไปซื้อมารับประทานเพราะคิดว่าสะดวกไม่ต้องเสียเวลาทำ แต่จริงๆแล้วขอบอกว่ามะม่วงน้ำปลาหวานนั้นทำง่ายกว่าที่คิดและใช้เวลาแปบเดียว ที่สำคัญต้องอร่อยแซ่บถูกใจ วันนี้ zabwer.com จึงขอนำเสนอวิธีทำมะม่วงน้ำปลาหวานสูตรแซ่บด้วยไมโครเวฟ ที่ใช้เวลาไม่ถึงนาทีก็ได้มะม่วงน้ำปลาหวานมารับประทานแล้ว และอร่อยแซ่บเวอร์แน่นอน แถมกินได้อิ่มสะใจในราคาประหยัดอีกด้วย ที่มีส่วนผสมและวิธีทำง่ายๆตามนี้เลย<br />
<br />
<div>
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjauxY7Ti2kmTicuC3b_-xIDfOMgGIFmmkxRyAAFrEgZyRW9hglIRQaDFMWBYeQGdY8GyM_zBtEke-gMaPBH-XB2sm3T9CrxKahjIZ_3cVDil_HPc_6Myf7uaVGEyL4RKNNX3P5vbOAXokB/s1600/mango+with+sweet+fish+sauce_%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25991.jpg"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjauxY7Ti2kmTicuC3b_-xIDfOMgGIFmmkxRyAAFrEgZyRW9hglIRQaDFMWBYeQGdY8GyM_zBtEke-gMaPBH-XB2sm3T9CrxKahjIZ_3cVDil_HPc_6Myf7uaVGEyL4RKNNX3P5vbOAXokB/s400/mango+with+sweet+fish+sauce_%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25991.jpg" /></a></div>
<b><span style="color: #cc0000;">ส่วนผสม</span></b><br />
<div>
1. กุ้งแห้งเนื้อตำ (แต่ไม่ต้องละเอียดพอบุบๆหรือแล้วแต่ชอบ)<br />
2. กะปิดี ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ<br />
3. น้ำตาลปิ๊บประมาณ 1/2 ถ้วยตวง<br />
4. น้ำปลาประมาณ 2 - 3 ช้อนโต๊ะ<br />
5. พริกขี้หนูซอยประมาณ 6 - 10 เม็ด (แล้วแต่ชอบ)<br />
6. หัวหอมซอย ประมาณ 4 - 6 หัว<br />
<br />
<span style="color: #cc0000;"><b>วิธีทำ</b></span><br />
1. นำน้ำตาลปี๊บกับน้ำปลาผสมให้เข้ากัน<br />
2. ใส่กะปิลงไปด้วย แล้วนำเข้าไมโครเวฟประมาณ 30 วินาที<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEivjpSgJdwdiXBUcWURAOBWj35lgKMmExOcShKXqZFJSgGC3EiYDL8gNOqryAlNceAB2RmYlt8ZHyoa_YZCYRqBR_BmimnRD8WDewJql9Cl0R36rl2cpCH_uSue3z8ethqHODpqVU8vymgG/s400/mango+with+sweet+fish+sauce_%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25993.jpg" /><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi3Ypr0aLZc_11gbVzf64tdDmnPGwAMm_vAj2-_qpEO8pgJDXW5yiiZg-FOPkUh0_Lq4fkp03T8cG5ZG8zbKeUux9yK4fc9x1GhEl7LRF0YhWc79SR1rEjJxftuZdPZ0YcbO7_Liq5XeFd1/s400/%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25994.jpg" /></div>
<br />
3.จากนั้นนำออกมาคน แล้วใส่กุ้งแห้ง ตามด้วยพริกขี้หนูที่ซอยไว้แล้ว<br />
4. นำเข้าไมโครเวฟอีกประมาณ 1 นาที<br />
5. เมื่อครบเวลา ใส่หัวหอมซอย แล้วนำเข้าไมโครเวฟอีก 30 วินาที<br />
6. นำออกมาคนให้เข้ากัน ลองชิมรสดู ปรุงรสเพิ่มตามชอบ อาจเติมน้ำตาล หรือน้ำปลา ตามแต่ที่ชอบได้เลย<br />
7. เสิร์ฟพร้อมมะม่วงฝานบางๆ ก็พร้อมรับประทานได้แล้ว</div>
<div>
<br />
<div style="text-align: center;">
<img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiolIjfUoMcCsMOX6_47sRntBOQYI7uoHehnooP1Y8KF_L8aevwEY6DecCjUjfDCmNN5__Qb2WlgTVxQvSeVARnelB-34RaG9oa_BIcjFdeE8vrT2VMcmprsdWUBi-_j-reHq3rNFokTe6a/s400/%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%2587%25E0%25B8%2599%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A5%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25992.jpg" /></div>
<br />
<b style="background-color: lime;">แนะนำเพิ่มเติม</b><br />
• กุ้งแห้งควรโขลกในครกจนเนื้อฟู หรือถ้าจะใส่เครื่องปั่นก็ได้เเต่เนื้อจะไม่ค่อยฟู<br />
• นำปลาควรใส่แต่น้อย เพราะสามารถปรุงเพิ่มรสชาติได้ แต่ถ้าใส่มากไป เวลาปรับแก้รสชาติมันจะทำยากครับ<br />
• สามารถใช้ได้ทั้งไมโครเวฟ หรือเตาอบไฟฟ้า หรือกระทะไฟฟ้า หรือเตาแก็ส หรือเตาถ่านก็ได้ แต่ที่ให้เข้าไมโครเวฟคือเป็นไอเดียวิธีทำน้ำพริกปลาหวานอร่อยแบบง่ายๆ และรวดเร็วทันใจครับ<br />
• ถ้าต้องการเก็บไว้ได้นานๆ…ก็ให้ทำตัวน้ำปลาหวานใส่ภาชนะปิดฝาให้มิดชิดแล้วแช่ตู้เย็นเก็บไว้…เมื่อเวลาจะรับประทานค่อยซอยหอมแดงและพริกขี้หนูใส่ลงไป…ก็จะได้ความหอมของหอมแดงกับพริกมากกว่าตอนใส่ร้อนๆด้วย<br />
<br />
เป็นอีกวิธีทำน้ำพริกปลาหวานแบบง่ายๆ แต่อร่อยแซ่บสุดๆเลยละครับ เข้าไมโครเวฟไม่ถึงนาที ปรุงเพิ่มรสชาติอีกหน่อยก็พร้อมรับประทานได้ทุกเมื่อ ง่ายๆแบบนี้ก็ลองนำไปทำดูนะครับ<br />
<br />
<span style="color: #666666;">Credit: pun-prai.exteen.com</span></div>
</div>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-25403717997088206702016-02-05T04:25:00.000-08:002016-09-22T07:25:32.644-07:00พล่ากุ้ง สูตรอร่อยแซ่บเวอร์“<b>พล่ากุ้ง</b>” สูตรอาหารไทย เมนูอาหารภาคอีสานรสแซ่บๆสไตล์อาหารประเภทยำ อีกหนึ่งเมนูสมุนไพรของคนรักสุขภาพ ที่กุ้งลวกแค่พอสุกตัวอวบเนื้อหวานๆ คลุกเคล้าด้วยน้ำยำ และเครื่องผักสมุนไพรอีก 5-6 ชนิด รสชาติอร่อยเข้มข้น เผ็ดร้อนจัดจ้าน จะรับประทานพร้อมข้าวสวยร้อนๆ หรือรับประทานเป็นเมนูอาหารว่าง เป็นกับแกล้มก็อร่อยแซ่บสุดๆ<br />
<div style="text-align: center;">
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<img border="0" height="300" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjbpF_AD5SdX0B7STDryzdVkOxt8h7dVKe_7TF_Dl9wEWqT4iaL_hvHxhzk2sWx_utpsun1Wf62iw4yUNuRvnDqqzyPE20qTBayHMX1Y1H72jjlANPlitEnvezUKmUnuTXiKB64SC67efL1/s400/%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A5%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B8%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%2587_Shrimp+salad+with+lemon+grass+and+mint.jpg" width="400" /></div>
<div>
<br /></div>
<div>
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม</span></b><br />
1. กุ้งสด ลอกเปลือก เด็ดหัว แกะหลังเอาเส้นดำออก 10-12 ตัว<br />
2. ตะไคร้ซอย 2 ต้น<br />
3. หอมแดงซอย 2-3 หัว<br />
4. ใบมะกรูดซอย 3-4 ใบ<br />
5. ต้นหอมซอย 1 ต้น<br />
6. ใบสะระแหน่ เด็ดเอาเฉพาะใบ 1 หยิบมือ<br />
7. ใบสะระแหน่เด็ดเอาเฉพาะใบ ไว้สำหรับโรยหน้า<br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสมน้ำยำพล่ากุ้ง</span></b><br />
1. น้ำพริกเผา 2 ช้อนโต๊ะ<br />
2. น้ำตาลทราย 1ช้อนโต๊ะ<br />
3. น้ำปลา 2 ½ ช้อนโต๊ะ<br />
4. น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ<br />
5. พริกขี้หนูซอยละเอียด 3-8 เม็ด (เผ็ดมากหรือน้อย…ตามความชอบ)<br />
<span style="color: #990000;"><br /><b>วิธีทำ</b></span><br />
<ol>
<li>นำกุ้งไปล้างให้สะอาด แกะเปลือก เด็ดหัว เก็บหางไว้ ผ่าหลังแล้วดึงเส้นดำออก พักไว้</li>
<li>ตั้งน้ำให้ร้อนเดือดๆ แล้วใส่กุ้งลงไปลวกแป๊บเดียว เอาแบบพอกึ่งสุกกึ่งดิบ (ระวังอย่าลวกนาน ใส่ลงไปถ้าน้ำเดือดจัดๆอยู่แค่หนึ่งนาทีก็น่าจะเพียงพอ) พอกุ้งแดงก็รีบตักขึ้น ใส่แช่ในน้ำแข็งหรือน้ำเย็นจัดสักพัก แล้วสะเด็ดน้ำตักขึ้นพักไว้…(เนื้อกุ้งจะได้เด้งกรอบน่าทาน หากต้มจนสุกเนื้อจะแห้งกระด้างไม่อร่อยครับ)</li>
<li>ผสมน้ำยำพล่ากุ้ง เอาน้ำพริกเผา น้ำตาลทราย น้ำปลาและน้ำมะนาว ลงในชามผสมแล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นใส่พริกขี้หนูลงไป คนให้เข้ากันอีกที</li>
<li>นำน้ำยำเทลงในชามกุ้งที่ลวกไว้ จากนั้นตามด้วยตะไคร้ซอย หอมแดง ต้นหอมซอย ใบมะกรูดซอย และใบสะระแหน่ แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ชิมรสและปรุงเพิ่มได้ (ถ้าใครชอบรสชาติแบบไหนจะปรุงเพิ่มหรือลดก็ได้ตามความชอบ สำหรับส่วนผสมและวิธีทำที่ให้ไว้ของจานนี้ ให้ถือเป็นแนวทางครับ) </li>
<li>ตักใส่จาน โรยหน้าด้วยใบสะระแหน่พร้อมเสิร์ฟ</li>
</ol>
<b></b><br />
<div>
<b><b><span style="background-color: white; color: purple;">วิธีลวกกุ้งให้เด้งกรอบและหวาน สำหรับทำพล่าหรือเมนูยำ</span></b></b></div>
<ol>
<li>เริ่มจากเลือกซื้อกุ้งสดๆ (หากกุ้งไม่สดก็จบเลย) แล้วนำไปแช่น้ำแข็ง+น้ำให้เย็นเจี๊ยบ </li>
<li>จากนั้นแกะเปลือกเอาหัวออก ผ่าหลังแล้วดึงเส้นดำออกทิ้ง </li>
<li>แล้วใส่เกลือสมุทร (เม็ดใหญ่) ลงไปเคล้าให้เข้ากัน ตามด้วยแป้งมัน เคล้าเบาๆ อีกครั้ง (แช่เย็น 30 นาที) </li>
<li>จากนั้นนำกุ้งไปล้างให้สะอาดด้วยน้ำเย็นจัด (ล้าง 2-3 รอบให้หมดเค็ม) </li>
<li>แล้วนำไปลวกในน้ำเดือด 1-2 นาที (หรือกระทั่งสุก) แล้วแช่กุ้งในน้ำเย็นจัดสักพัก แล้วตักขึ้นทำให้สะเด็ดน้ำ </li>
<li>จากนั้นจึงนำมาใส่คลุกเคล้าลงในเครื่องยำทีหลัง จะทำให้กุ้งไม่เสียรสชาติ (กุ้งจะแดงใสเด้งน่ารับประทาน และคงความหวานอยู่)</li>
</ol>
<div style="text-align: right;">
<span style="color: #666666;">(Credit: easycookingmenu.com)</span></div>
</div>
<b><span style="color: blue;">แนะนำเพิ่มเติม</span></b><br />
<ul>
<li>พล่ากุ้งมีหลายสูตร จะใช้กุ้งสด กุ้งลวก หรือกุ้งเผา/ย่าง ก็ได้ ส่วนเครื่องปรุง บางสูตรไม่ใส่น้ำพริกเผา บางสูตรใส่น้ำพริกเผา หรือบางสูตรใส่กะปิเผา</li>
<li>ผักที่กินเข้ากันดีกับเมนูพล่ากุ้งนี้ เช่น ผักสลัด ถั่วฝักยาว แตงกวาหั่นแว่น ใบโหระพา กะหล่ำปลี พริกแห้งทอด</li>
</ul>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.comtag:blogger.com,1999:blog-7302692081804654694.post-83697130571222700422015-12-30T09:25:00.000-08:002016-09-22T07:26:05.395-07:00ข้าวผัดกระเพราหมูสับ 2 สูตรเด็ด<br />
<b style="background-color: #f4cccc;">ผัดกระเพรา</b><span style="background-color: white;"> </span>อีกเมนูอาหารตามสั่งจานเดียว ยอดฮิตที่มักนิยมสั่งรับประทานตามร้านอาหาร เมื่อไม่รู้จะทานอะไร ก็จะสั่งข้าวผัดกระเพราะเอาไว้ก่อน เป็นเมนูอาหารที่รสชาติเผ็ดร้อน หอมใบกระเพรา อร่อยแซ่บถูกปากสไตล์อาหารไทย แถมเป็นเมนูอาหารที่ทำได้ง่าย แต่จะอร่อยหรือไม่อร่อยนั้นก็เอยู่ที่ฝีมือของแต่ละคน วันนี้ zabwer.com จึงขอนำสูตรเด็ดเคล็ดลับวิธีทำข้าวผัดกระเพราหมูสับ 2 สูตรอร่อยมาฝากครับ จะได้ทำข้าวผัดกระเพราหมูสับได้อร่อยน่าทานยิ่งขึ้น หมูนุ่มๆ รสหอมอร่อยแซ่บถูกปากถูกใจ ที่มีสูตรและขั้นตอนตามนี้ครับ<br />
<br />
<div style="text-align: center;">
<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjU-QFkPEZtv6eBkGqyiwnFHom6M_51TDC6E8qjxuufRJmwaVtOEZeAa8LFkm4E2lYjwWqFJ4eh9pCO6LQgbgfW3RH0fqcXhSAMIDBzK9UPZMM04RqwmWcwhny45FwTTcqYL1IbzVd-G_67/s1600/%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9_Stir-fried+pork+with+holy+basil+leaves.jpg"><img border="0" height="400" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjU-QFkPEZtv6eBkGqyiwnFHom6M_51TDC6E8qjxuufRJmwaVtOEZeAa8LFkm4E2lYjwWqFJ4eh9pCO6LQgbgfW3RH0fqcXhSAMIDBzK9UPZMM04RqwmWcwhny45FwTTcqYL1IbzVd-G_67/s400/%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9_Stir-fried+pork+with+holy+basil+leaves.jpg" width="399" /></a></div>
<span style="background-color: #f4cccc;"><b>1. ผัดกระเพราะหมูสับ</b></span><br />
<b style="color: #990000;">ส่วนผสม </b>(สำหรับ 3 ที่)<br />
<ol>
<li>เนื้อหมูส่วนสันใน หรือส่วนสะโพกสับหยาบ 300 กรัม</li>
<li>พริกขี้หนูหรือพริกชี้ฟ้า 20-30เม็ด (ชอบเผ็ดน้อยใส่ 20 เม็ด หรือใส่เพิ่มตามชอบเผ็ด)</li>
<li>กระเพราเด็ดใบ 1 ถ้วย</li>
<li>กระเทียมสับ 1-2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>ซีอิ๊วขาว 1 ½ ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำตาลทราย ½ ช้อนชา</li>
<li>น้ำเปล่านิดหน่อย</li>
<li>น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ</li>
</ol>
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำ</span></b><br />
<ol>
<li>กระทะตั้งด้วยไฟกลางใส่น้ำมันเล็กน้อย พอน้ำมันร้อนใส่กระเทียมสับและพริกขี้หนูสับลงไปผัดให้หอม พอพริกกระเทียมเริ่มหอมฉุน ก็ใส่หมูสับลงผัด ยีให้หมูกระจายไม่ติดเป็นก้อน ผัดจนหมูเกือบสุก ถ้าแห้งไปก็ให้เติมน้ำเล็กน้อย</li>
<li>ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย และน้ำตาลทราย ชิมรสตามชอบ</li>
<li>พอหมูในกระทะสุกแล้วก็ใส่ใบกะเพราลงไปผัดเร็วๆคลุกเคล้าให้เข้ากัน…ปิดไฟ ตักใส่จานเสิร์ฟร้อนๆ ยิ่งทอดไข่ดาวรับประทานด้วย แค่นี้ก็อร่อยสุดๆแล้วครับ</li>
</ol>
<div>
<br /></div>
<div style="text-align: center;">
<table align="center" cellpadding="0" cellspacing="0" class="tr-caption-container" style="margin-left: auto; margin-right: auto; text-align: center;"><tbody>
<tr><td style="text-align: center;"><a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgiF5Sbc-3QUHl5f6x0G3ofajrnnROxdIE3wn01s6Cd0iFgj4eYKwTpv-uPx0UIM0Mp00BtF78EjVzcpiWPgn_-gac6tEwb9XyVs1RgG-BI4kmVcvPoMWCtSuU41hoYeEuem_Dt3DYQ_-8s/s1600/%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%259A%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%259A%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2593_Stir-fried+pork+with+holy+basil+leaves.jpg" style="margin-left: auto; margin-right: auto;"><img border="0" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgiF5Sbc-3QUHl5f6x0G3ofajrnnROxdIE3wn01s6Cd0iFgj4eYKwTpv-uPx0UIM0Mp00BtF78EjVzcpiWPgn_-gac6tEwb9XyVs1RgG-BI4kmVcvPoMWCtSuU41hoYeEuem_Dt3DYQ_-8s/s1600/%25E0%25B8%259C%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B9%2580%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B9%25E0%25B8%25AA%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%259A%25E0%25B9%2581%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%259A%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2593_Stir-fried+pork+with+holy+basil+leaves.jpg" /></a></td></tr>
<tr><td class="tr-caption">สูตรและรูปภาพจากคุณ kanyong1 สมาชิกเว็บบล็อกแกงค์ดอทคอม</td></tr>
</tbody></table>
</div>
<b style="background-color: #f4cccc;">2.ผัดกระเพราะหมูสับแบบดั้งเดิม (อร่อย)</b><br />
<br />
<b><span style="color: #990000;">ส่วนผสม</span></b> (สำหรับ 2 ที่)<br />
<ol>
<li>เนื้อหมูสับหยาบ 200 กรัม</li>
<li>กระเพราเด็ดเป็นใบ 1/2 ถ้วย</li>
<li>พริกขี้หนูสีแดงบด 2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>กระเทียมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำมันหอย 1 ช้อนชา</li>
<li>น้ำปลา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา</li>
<li>น้ำหรือน้ำสต๊อกหมู 1/4 ถ้วย</li>
<li>น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ</li>
<li>พริกน้ำปลา</li>
</ol>
<b><span style="color: #990000;">วิธีทำ</span></b><br />
<ol>
<li>ตั้งกระทะให้ร้อนโดยใช้ไฟแรง ใส่น้ำมันพืชแล้วตามด้วยหมูสับ ผัดยีหมูสับให้แตกออกจากกัน อย่าให้เป็นก้อน แค่เกือบสุกจึงใส่พริกขี้หนูบด ผัดพอให้ทั่ว ตามด้วยกระเทียมเจียว ผัดพอให้ทั่ว </li>
<li>เติมน้ำมันหอย น้ำตาล น้ำปลา และน้ำซุป ผัดพอสุกทั่ว แล้วใส่ใบกระเพรา ผัดให้ใบกระเพราสุกแล้วปิดไฟ ตักใส่จานหรือตักราดกับข้าวสวยร้อน ๆ พร้อมเสิร์ฟกับพริกน้ำปลา</li>
</ol>
<h3>
<b><span style="color: purple;">เคล็ดลับวิธีทำผัดกระเพราให้อร่อย</span></b></h3>
<ul>
<li>ควรเลือกใช้เนื้อหมูสันนอก หรือหมูสันนอก+สามชั้น เนื้อหมูจะนุ่มไม่กระด้าง</li>
<li>สิ่งสำคัญคือ ความหอมของใบกระเพรา ให้เลือกกะเพราใบเล็กและมีดอกติดมาด้วยเท่านั้น เพราะจะให้กลิ่นหอมมากกว่ากระเพราใบใหญ่…แต่ถ้าจะให้ดีเลือกเป็นใบกะเพราแดงได้จะดีมาก (แต่สมัยนี้หาไม่ค่อยได้แล้ว) เพราะหอมเยอะกว่ากระเพราขาว (ก็คือใบเขียวๆ อย่างที่เห็นทั่วไปตามท้องตลาดนั่นละ)</li>
<li>ควรเลือกใช้เป็นพริกขี้หนูสวนเพราะหอมกว่า หรืออาจจะใส่พริกขี้หนูสวนลงไปก่อน และตามด้วยพริกขี้หนูแดง ( ที่ใช้ตำส้มตำ ) ก็ได้ ก็จะผัดได้หอมฉุยเช่นกัน</li>
<li>ควรเลือกใช้เป็นกระเทียมไทยกลีบเล็ก เพราะมีกลิ่นหอมมากกว่ากระเทียมกลีบใหญ่</li>
<li>ซอสปรุงต่างยี่ห้อกันรสชาติก็ต่างกันแล้ว ดังนั้นควรเลือกที่คุณภาพค่อนข้างดี</li>
</ul>
Adminhttp://www.blogger.com/profile/04543550959241079066noreply@blogger.com